พนักงานคลังสินค้า/โลจิสติกส์ (Warehouse/Logistics staff ) มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บ บริหารจัดการ และจัดส่งสินค้าและวัสดุต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป้าหมายหลักของพวกเขาคือการรักษาความต่อเนื่องของการไหลของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การรับจนถึงการจัดส่ง พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บ ลดต้นทุน และปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า
Photo by TheStandingDesk on Unsplash
ตัวอย่าง Job Description ของตำแหน่ง Warehouse / Logistics Staff
ต่อไปนี้คือลักษณะงานทั่วไปของพนักงานคลังสินค้า/โลจิสติกส์
1. Warehouse Associate
จัดการการเคลื่อนย้ายของสินค้า วัสดุสิ้นเปลือง และอุปกรณ์ภายในบริษัทหรือระหว่างสถานที่ หน้าที่รวม
- การประสานงานกับซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต และลูกค้าเพื่อให้มั่นใจว่าการจัดส่งเป็นไปตามกำหนดเวลา
- การวางแผนและการกำหนดเส้นทางและตารางการขนส่ง
- การตรวจสอบระดับสินค้าคงคลังและการสั่งซื้อวัสดุตามความจำเป็น
2. Logistics Coordinator
รับรองการติดตามสินค้าที่ถูกต้องในพื้นที่จัดเก็บ หน้าที่อาจรวมถึงการนับรอบและการตรวจนับสินค้าจริง, การตรวจสอบความแตกต่างในระดับสินค้าคงคลัง, การรักษาบันทึกและรายงานที่ถูกต้อง
3. Inventory Control Specialist
รับผิดชอบในการบรรจุ จัดส่ง และติดตามคำสั่งซื้อของลูกค้า หน้าที่รวมถึง
- การเลือกและการบรรจุสินค้าสำหรับการจัดส่ง
- การดำเนินการสั่งซื้อและการจัดการการจัดส่ง
- การแก้ปัญหาการจัดส่งและการแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้า
5. Warehouse Manager
ดูแลการดำเนินงานประจำวันของคลังสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการพนักงาน การควบคุมสินค้าคงคลัง และการโลจิสติกส์ของห่วงโซ่อุปทาน หน้าที่อาจรวมถึง
- การกำกับดูแลและการให้คำปรึกษาพนักงานคลังสินค้า
- การพัฒนาและการนำกระบวนการปรับปรุงไปใช้
- การจัดการงบประมาณและการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บ
ตัวอย่าง Key Performance Indicators (KPIs) ของตำแหน่ง Warehouse and Logistics staff
1. Order Fulfillment Rate
เปอร์เซ็นต์ของคำสั่งซื้อที่หยิบของเติมเต็มตรงเวลาได้ถูกต้องและครบถ้วน เทียบกับคำสั่งที่มีปัญหา
2. Inventory Accuracy
เปอร์เซ็นต์ของบันทึกสินค้าคงคลังที่ตรงกับระดับสต็อกจริง เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องในการติดตามและจัดการสต็อก
3. Pick and Pack Efficiency
อัตราที่พนักงานคลังสินค้าสามารถหยิบและบรรจุสินค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
4. Shipping Speed
เวลาที่เฉลี่ยในการประมวลผลและจัดส่งคำสั่งซื้อ วัดจากเวลาที่ได้รับคำสั่งซื้อจนถึงการจัดส่ง
5. Warehouse Utilization Rate
เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่คลังสินค้าที่ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาจากความจุในการจัดเก็บ เส้นทางการหยิบ และการจัดวาง
6. Labor Productivity
ปริมาณงานที่พนักงานคลังสินค้าทำเสร็จภายในเวลาที่กำหนด เช่น จำนวนสินค้าที่หยิบหรือบรรจุต่อชั่วโมง
7. Damage/Defect Rate
เปอร์เซ็นต์ของสินค้าที่ถึงมือลูกค้าแล้วมีความเสียหายหรือข้อบกพร่อง ซึ่งบ่งชี้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการบรรจุ การจัดการ หรือการจัดส่ง
8. Returns Processing Time
เวลาที่เฉลี่ยในการประมวลผลการคืนสินค้า รวมถึงการรับ การตรวจสอบ และการนำสินค้ากลับเข้าคลัง
9. Inbound/Outbound Shipping Accuracy
อัตราที่การจัดส่งถูกประมวลผลอย่างถูกต้อง โดยพิจารณาจากการติดฉลากที่ถูกต้อง เอกสาร และข้อมูลการติดตาม
10. Cycle Count Accuracy
เปอร์เซ็นต์ของสินค้าคงคลังที่มีการทำ Cycle Count และอัปเดตอย่างแม่นยำภายในรายวัน และรายสัปดาห์
11. Warehouse Safety Metrics
- จำนวนอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์เกือบพลาด
- อัตราความถี่ในการบาดเจ็บที่สูญเสียเวลาทำงาน (Lost Time Injury Frequency Rate – LTIFR)
- อัตราวันที่ห่างจากการทำงาน (Days Away from Work – DAFW)
เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมหรือโอกาสในการพัฒนาภายในกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจในการเพิ่มทักษะและการแบ่งปันความรู้
ตัวชี้วัดสมรรถนะหลัก (KPIs) เหล่านี้ช่วยให้พนักงานคลังสินค้าและโลจิสติกส์สามารถวัดผลการทำงานและระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง ซึ่งในที่สุดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความพึงพอใจของลูกค้าในกระบวนการทำงานทั้งหมด