ตัวอย่าง Job Description ของตำแหน่ง Back-end Developer

นักพัฒนาระบบหลังบ้าน (Back-end Developer) หรือที่รู้จักกันในชื่อ นักพัฒนาระบบฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Server-side Developer) หรือนักพัฒนา API (API Developer) มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างและดูแลการทำงานของตรรกะฝั่งเซิร์ฟเวอร์ การเชื่อมต่อฐานข้อมูล และการเชื่อมต่อ API สำหรับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

Photo by rivage on Unsplash

ตัวอย่าง Job Description ของตำแหน่ง Back-end Developer

ตำแหน่ง: Back-end Developer
แผนก: ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Department)
รายงานตรงต่อ: Lead Developer หรือ Engineering Manager
สถานที่ทำงาน: สำนักงานใหญ่ / Remote (ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท)

บทนำ (Job Overview)

ตำแหน่ง Back-end Developer หรือ นักพัฒนาฝั่งหลัง มีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาและดูแลส่วนของ Back-end หรือเซิร์ฟเวอร์ด้านหลังของแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงการออกแบบฐานข้อมูล, การพัฒนา API, การพัฒนาระบบเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ และการประสานงานกับทีม Front-end Developer เพื่อนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและสามารถขยายขนาดได้ในอนาคต

หน้าที่และความรับผิดชอบ (Key Responsibilities)

  1. การพัฒนาและดูแล Back-end System
    • พัฒนาและออกแบบระบบ Back-end ที่มีความสามารถในการรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก รวมถึงการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลและบริการภายนอก
    • เขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพและสามารถบำรุงรักษาได้ในระยะยาว โดยใช้ภาษาและเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Python, Java, Ruby, PHP, Node.js, หรือ Go
  2. การออกแบบฐานข้อมูล (Database Design)
    • ออกแบบและดูแลฐานข้อมูลให้มีโครงสร้างที่เหมาะสม เช่น SQL (MySQL, PostgreSQL) หรือ NoSQL (MongoDB, Redis)
    • ปรับปรุงประสิทธิภาพของฐานข้อมูล เช่น การใช้ดัชนี (Indexing), การจัดการกับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ และการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา
  3. การพัฒนาและจัดการ API
    • พัฒนา RESTful APIs หรือ GraphQL ที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานร่วมกับ Front-end ได้
    • ทำงานร่วมกับทีม Front-end Developer เพื่อให้แน่ใจว่า API ที่พัฒนาขึ้นนั้นสามารถทำงานร่วมกับส่วนที่เป็น Front-end ได้อย่างราบรื่น
  4. การเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการขยายตัว (Scalability & Performance)
    • พัฒนาระบบที่สามารถขยายขนาดได้ตามความต้องการ เช่น การใช้เทคโนโลยี Cloud, Containerization (Docker), หรือการใช้ระบบ Load Balancing
    • ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลหรือการจัดการทรัพยากรในระบบ
  5. การทำงานร่วมกับทีม DevOps
    • ทำงานร่วมกับทีม DevOps ในการพัฒนาและรักษาระบบ Continuous Integration / Continuous Deployment (CI/CD)
    • ช่วยในการตั้งค่าและดูแลระบบที่เกี่ยวข้องกับการ deploy แอปพลิเคชัน
  6. การทดสอบระบบ (System Testing)
    • เขียนและดูแลการทดสอบระบบที่ครอบคลุม เช่น Unit Testing, Integration Testing, และ API Testing
    • ใช้เครื่องมือทดสอบอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่พัฒนาขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อระบบที่มีอยู่
  7. การตรวจสอบและแก้ไขบั๊ก (Bug Fixing)
    • ตรวจสอบและแก้ไขบั๊กที่เกิดขึ้นในระบบ Back-end
    • วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของระบบหรือความผิดปกติของการเชื่อมต่อ
  8. การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบความปลอดภัย (Security)
    • ดูแลความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเก็บในฐานข้อมูล และการจัดการกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
    • ใช้เทคนิคการเข้ารหัสข้อมูลและระบบยืนยันตัวตนที่มีความปลอดภัย เช่น OAuth, JWT หรือการจัดการสิทธิ์เข้าถึงระบบ
  9. การบำรุงรักษาและปรับปรุงระบบที่มีอยู่
    • ปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ในระบบ Back-end ที่มีอยู่
    • บำรุงรักษาระบบที่มีอยู่เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีปัญหา

คุณสมบัติที่ต้องการ (Qualifications)

  1. การศึกษาหรือวุฒิการศึกษา
    • ปริญญาตรีหรือสูงกว่าในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์, วิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
    • หากมีประกาศนียบัตรจากหลักสูตรการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือการพัฒนา Web Applications เช่น AWS Certified Developer หรือ Google Cloud Certified จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
  2. ประสบการณ์
    • ประสบการณ์ในการพัฒนา Back-end Application อย่างน้อย 2-5 ปี
    • มีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบที่รองรับปริมาณการใช้งานสูง และมีความสามารถในการขยายขนาดระบบ (scalable)
    • เคยทำงานกับฐานข้อมูล SQL หรือ NoSQL อย่างน้อย 2 ปี
  3. ทักษะทางเทคนิค
    • ความชำนาญในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาที่ใช้ในการพัฒนา Back-end เช่น Python, Java, Node.js, Ruby หรือ PHP
    • ทักษะในการพัฒนา RESTful APIs หรือ GraphQL และการทำงานร่วมกับ JSON
    • ความรู้ในการออกแบบฐานข้อมูลและการจัดการฐานข้อมูลทั้ง SQL และ NoSQL
    • ประสบการณ์การใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีในการพัฒนาเช่น Docker, Kubernetes, หรือ Cloud services (AWS, Azure, Google Cloud)
    • ความรู้ในการเขียน Unit Test และการใช้เครื่องมือในการทดสอบเช่น Mocha, Jest หรือ PyTest
  4. ทักษะการแก้ไขปัญหา
    • ความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่ซับซ้อน
    • สามารถทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และสามารถจัดการความกดดันได้ดี
  5. ทักษะการสื่อสาร
    • มีทักษะในการสื่อสารที่ดี สามารถอธิบายแนวคิดทางเทคนิคให้แก่บุคคลที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเข้าใจได้
    • สามารถทำงานร่วมกับทีม Front-end Developer และทีมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณสมบัติที่ต้องการเพิ่มเติม (Preferred Qualifications)

  1. ประสบการณ์ในเทคโนโลยีที่ทันสมัย
    • มีประสบการณ์ในการทำงานกับ Microservices Architecture, Serverless Computing, หรือ API Gateway
    • ประสบการณ์ในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถรองรับการใช้งานในระบบ Cloud
  2. ทักษะด้าน DevOps
    • หากมีประสบการณ์ในการตั้งค่าและดูแลระบบ Continuous Integration/Continuous Deployment (CI/CD) จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
  3. ทักษะด้านการพัฒนาระบบที่รองรับการใช้งานจำนวนมาก
    • หากมีประสบการณ์ในการพัฒนาและปรับขยายระบบที่สามารถรองรับการใช้งานในระดับองค์กร (Enterprise-level systems) จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

ตำแหน่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและบำรุงรักษาระบบของแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ โดยผู้สมัครจะต้องมีทักษะการพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพ, ความสามารถในการทำงานกับฐานข้อมูล, และการพัฒนา API เพื่อรองรับฟีเจอร์ที่ต้องการ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้ต้องสามารถทำงานร่วมกับทีมพัฒนาและทีมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งพัฒนาระบบที่สามารถขยายขนาดและรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในอนาคต

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR

สนใจเริ่มต้นใช้งานระบบประเมินผลออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อเราได้ที่นี่



ตัวอย่าง JD งานกราฟฟิค


ตัวอย่าง JD งานโรงแรม


ตัวอย่าง JD งานบริการ


ตัวอย่าง JD งานเซลส์


ตัวอย่าง JD งานขนส่ง


ตัวอย่าง JD งานเซลส์