งานแอดมินมีหน้าที่หลากหลายและมุ่งเน้นในการสนับสนุนทำให้ธุรกิจทำงานได้สะดวกและประสานงานได้ดีขึ้น
การกำหนด KPI (Key Performance Indicator) สำหรับงานแอดมินมีความสำคัญหลายประการ เพราะการกำหนด KPI ช่วยในการวัดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของงานแอดมิน ว่ามีความสามารถในการทำงานตามเป้าหมายและข้อกำหนดที่ตั้งไว้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามและประเมินผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ KPI ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของงานแอดมิน โดยทำให้พนักงานสามารถเห็นภาพรวมของความสำเร็จและข้อบกพร่องในการทำงาน ทำให้สามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังช่วยในการสร้างความโปร่งใสในการทำงาน โดยทุกคนในทีมสามารถเห็นถึงเป้าหมายและผลการทำงาน ซึ่งช่วยในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างสมาชิกในทีม
มากไปกว่านั้น KPI ยังช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับงานแอดมิน ทำให้พนักงานสามารถรู้ว่าความสำเร็จของตนถูกวัดจากอะไรและต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น นอกจากนี้ KPI ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นและให้แรงจูงใจแก่พนักงาน โดยการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและสามารถวัดผลได้ ช่วยให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานและพยายามพัฒนาตนเอง
ท้ายสุดแล้ว การกำหนด KPI สำหรับงานแอดมินยังช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ด้วยข้อมูลที่ได้จาก KPI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทำงาน ทำให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้ การกำหนด KPI สำหรับงานแอดมินจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานและสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Photo by Campaign Creators on Unsplash
การตั้ง KPI (Key Performance Indicator) สำหรับงานแอดมิน (Admin) มีความสำคัญเพื่อให้สามารถวัดผลการทำงานและประเมินความสำเร็จได้อย่างชัดเจน ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ KPI สำหรับงานแอดมินอย่างละเอียด พร้อมยกตัวอย่างและวิธีการคำนวณที่สามารถนำไปใช้จริงได้
1. เวลาตอบสนองต่ออีเมล (Email Response Time)
KPI นี้เป็นการวัดระยะเวลาในการตอบอีเมลจากลูกค้าหรือทีมงานอื่นๆ ซึ่งสำคัญมากในงานแอดมินเพื่อให้การสื่อสารภายในองค์กรหรือกับลูกค้าราบรื่น
ตัวอย่าง KPI:
- เป้าหมาย: ตอบอีเมลทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง
- วิธีคำนวณ: เวลาที่ใช้ในการตอบอีเมลจากการได้รับอีเมลแรกจนถึงการส่งคำตอบกลับ
- คำนวณ: (เวลาตอบกลับทั้งหมด) ÷ (จำนวนอีเมลทั้งหมดที่ได้รับ)
ตัวอย่างการคำนวณ:
หากในเดือนนี้ได้รับอีเมลทั้งหมด 100 ฉบับ และตอบอีเมลในระยะเวลาเฉลี่ย 12 ชั่วโมง จะได้ค่าเฉลี่ยเวลาตอบกลับ = 12 ชั่วโมง
2. ความถูกต้องในการจัดการเอกสาร (Document Accuracy)
KPI นี้วัดความถูกต้องในการจัดการเอกสารที่แอดมินจัดการหรือสร้างขึ้นมา เช่น การพิมพ์เอกสาร การจัดเรียงไฟล์ เป็นต้น
ตัวอย่าง KPI:
- เป้าหมาย: ความถูกต้องของเอกสารต้องไม่ต่ำกว่า 98%
- วิธีคำนวณ: จำนวนเอกสารที่ไม่มีข้อผิดพลาด ÷ จำนวนเอกสารทั้งหมด × 100
ตัวอย่างการคำนวณ:
หากแอดมินจัดการเอกสารทั้งหมด 200 ฉบับ และมีเอกสารที่ไม่มีข้อผิดพลาด 195 ฉบับ จะได้ค่า KPI ดังนี้
(195 ÷ 200) × 100 = 97.5%
3. อัตราการจัดการเอกสารสำเร็จ (Document Completion Rate)
KPI นี้จะวัดอัตราการจัดการเอกสารที่สำเร็จในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมักใช้ในการติดตามงานที่เกี่ยวกับการจัดการเอกสารหรือโครงการต่างๆ
ตัวอย่าง KPI:
- เป้าหมาย: การจัดการเอกสารสำเร็จต้องไม่น้อยกว่า 90%
- วิธีคำนวณ: จำนวนเอกสารที่สำเร็จ ÷ จำนวนเอกสารทั้งหมดที่ต้องทำในระยะเวลานั้น × 100
ตัวอย่างการคำนวณ:
หากแอดมินได้รับมอบหมายให้จัดการเอกสาร 50 ฉบับและทำสำเร็จ 45 ฉบับ KPI จะเป็น
(45 ÷ 50) × 100 = 90%
4. จำนวนงานที่ดำเนินการสำเร็จตามกำหนด (Task Completion Rate)
KPI นี้จะวัดการเสร็จสิ้นของงานที่แอดมินรับผิดชอบ โดยอิงจากงานที่มอบหมายให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด
ตัวอย่าง KPI:
- เป้าหมาย: งานที่ต้องเสร็จภายในเวลาที่กำหนดอย่างน้อย 95%
- วิธีคำนวณ: จำนวนงานที่เสร็จตรงตามกำหนดเวลา ÷ จำนวนงานทั้งหมด × 100
ตัวอย่างการคำนวณ:
หากแอดมินได้รับมอบหมายงานทั้งหมด 30 งาน และเสร็จสิ้นตรงเวลาทั้งหมด 28 งาน จะได้ค่า KPI ดังนี้
(28 ÷ 30) × 100 = 93.33%
5. การจัดการการประชุม (Meeting Management)
KPI นี้วัดความสามารถในการจัดการประชุมที่แอดมินต้องรับผิดชอบ ทั้งการเตรียมเอกสารสำหรับประชุม การจัดห้องประชุม หรือการติดตามการดำเนินการหลังการประชุม
ตัวอย่าง KPI:
- เป้าหมาย: การจัดประชุมทุกครั้งต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
- วิธีคำนวณ: จำนวนการประชุมที่มีการเตรียมการอย่างถูกต้อง ÷ จำนวนการประชุมทั้งหมด × 100
ตัวอย่างการคำนวณ:
หากแอดมินจัดการประชุมทั้งหมด 20 ครั้งในเดือน และมีการเตรียมการและดำเนินการได้ดี 18 ครั้ง KPI จะเป็น
(18 ÷ 20) × 100 = 90%
6. อัตราการพิมพ์เอกสาร (Typing Speed and Accuracy)
KPI นี้วัดความเร็วและความถูกต้องในการพิมพ์เอกสาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแอดมินในการดำเนินงานประจำวัน
ตัวอย่าง KPI:
- เป้าหมาย: พิมพ์ได้ 60 คำ/นาที และความถูกต้องต้องไม่ต่ำกว่า 98%
- วิธีคำนวณ: คำนวณจากจำนวนคำที่พิมพ์ได้/เวลาที่ใช้ในการพิมพ์ และตรวจสอบความถูกต้องจากจำนวนคำที่พิมพ์ผิด
ตัวอย่างการคำนวณ:
หากแอดมินพิมพ์เอกสาร 500 คำใน 10 นาที และมีคำที่ผิด 5 คำจะได้ KPI ดังนี้
ความเร็วในการพิมพ์ = 500 ÷ 10 = 50 คำ/นาที
ความถูกต้อง = (495 ÷ 500) × 100 = 99%
การใช้ KPI ที่เหมาะสมและการติดตามค่า KPI อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ทีมงานแอดมินสามารถปรับปรุงและปรับเปลี่ยนการทำงานในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้ KPI ยังช่วยในการพัฒนาบุคลากร โดยสามารถระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของพนักงานแต่ละคน ทำให้สามารถจัดการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงานได้ตรงตามความต้องการ ทั้งยังช่วยในการวางแผนการพัฒนาบุคลากรในระยะยาวอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินผล KPI EsteeMATE มี Features ที่จะช่วยให้คุณประเมินผล KPI ให้กับพนักงานได้ ศึกษาข้อมูลพิ่มเติมได้ที่นี่