ตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ (Assistant Chef) หรือที่รู้จักในชื่อ ซูเชฟ (Sous Chef) หรือ รองหัวหน้าเชฟ (Deputy Head Chef) มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเชฟใหญ่หรือหัวหน้าเชฟในการจัดการและดูแลการดำเนินงานในครัว นี่คือรายละเอียดของหน้าที่หลักและ KPI ของตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ
Photo by Cater Yang on Unsplash
1. Kitchen Management
ช่วยเชฟใหญ่ในการวางแผนและประสานงานในการพัฒนาเมนู การเตรียมอาหาร และการนำเสนออาหาร
2. Recipe Development
ช่วยสร้างสรรค์สูตรอาหารใหม่ ปรับปรุงสูตรที่มีอยู่แล้ว และรักษาบันทึกที่ถูกต้องของทุกสูตรที่ใช้ในครัว
3. Food Preparation
ดูแลการเตรียมอาหาร รวมถึงการหั่น หมัก ผัด และปรุงรสวัตถุดิบตามมาตรฐานที่กำหนด
4. Supervision
จัดการทีมพ่อครัว พนักงานในครัว หรือสมาชิกครัวอื่น ๆ โดยให้คำแนะนำ การฝึกอบรม และการสนับสนุนตามความจำเป็น
5. Inventory Management
ช่วยในการสั่งซื้อวัตถุดิบ จัดการสต็อก และลดการสูญเสียวัตถุดิบให้เหลือน้อยที่สุด
6. Quality Control
ควบคุมคุณภาพเพื่อให้มั่นใจว่าอาหารทุกจานมีคุณภาพสูงสุดทั้งในด้านการนำเสนอและรสชาติ
7. Menu Planning
มีส่วนร่วมในการวางแผนเมนู โดยพิจารณาจากวัตถุดิบตามฤดูกาล ความต้องการด้านโภชนาการ และความชอบของลูกค้า
8. Food Safety
รักษาสภาพครัวที่สะอาดและปลอดภัยโดยปฏิบัติตามขั้นตอนด้านสุขอนามัยและการจัดการอาหารที่ถูกต้อง
9. Cost Control
ควบคุมต้นทุนอาหารโดยการปรับขนาดส่วน ลดการสูญเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
10. Collaboration
ทำงานร่วมกับสมาชิกทีมครัวคนอื่น ๆ รวมถึงเชฟใหญ่ เพื่อให้การดำเนินงานในครัวเป็นไปอย่างราบรื่นและบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
หน้าที่และความรับผิดชอบ (Key Responsibilities)
- การช่วยเตรียมอาหาร
- เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร
- ช่วยในการปรุงอาหารตามเมนูที่เชฟใหญ่กำหนด และดูแลให้รสชาติและคุณภาพของอาหารตรงตามมาตรฐาน
- การบริหารจัดการทีมงานในครัว
- ช่วยดูแลและฝึกอบรมพนักงานในครัวให้สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานในครัวทำงานอย่างมีระเบียบและไม่เกิดความผิดพลาดในการทำอาหาร
- การควบคุมคุณภาพอาหาร
- ควบคุมคุณภาพของอาหารที่เสิร์ฟให้กับลูกค้า รวมถึงการตรวจสอบความสดใหม่ของวัตถุดิบและการปรุงอาหารให้ถูกต้อง
- ดูแลให้แน่ใจว่าอาหารทุกจานที่เสิร์ฟตรงตามมาตรฐานของร้านและถูกสุขลักษณะ
- การจัดการคลังสินค้าและสต็อกวัตถุดิบ
- ตรวจสอบสต็อกวัตถุดิบในครัวให้เพียงพอต่อการใช้งาน
- ร่วมมือกับผู้จัดการในการสั่งซื้อวัตถุดิบและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
- การดูแลความสะอาดและความปลอดภัยในครัว
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องมือและอุปกรณ์ในครัวได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร (HACCP) และมั่นใจว่าพนักงานในครัวปฏิบัติตามแนวทางนี้
- การช่วยวางแผนเมนูและการปรับปรุงเมนู
- ช่วยเชฟใหญ่ในการคิดค้น และพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ
- ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงรสชาติ และการนำเสนออาหารให้ดีขึ้น
- การบริหารการทำงานในช่วงเวลาพีค
- ช่วยดูแลการทำงานในช่วงเวลาที่มีลูกค้าหลายคน หรือช่วงเวลาพีค เพื่อให้การเสิร์ฟอาหารรวดเร็ว และไม่เกิดความผิดพลาด
ความสำคัญของตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ
- ช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการครัว
ผู้ช่วยเชฟมีหน้าที่ช่วยจัดการงานในครัว และรับผิดชอบการดำเนินงานในครัวในช่วงเวลาที่เชฟใหญ่ไม่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด โดยการควบคุมการทำงานของทีมงานในครัว และช่วยในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผน - รับผิดชอบการเตรียมและปรุงอาหาร
ผู้ช่วยเชฟช่วยเชฟใหญ่ในการเตรียมวัตถุดิบ การปรุงอาหาร และการจัดเตรียมจานอาหารให้ตรงตามมาตรฐานของร้านหรือโรงแรม โดยต้องตรวจสอบคุณภาพ และความสดใหม่ของวัตถุดิบ เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่เสิร์ฟจะมีรสชาติ และคุณภาพที่ดี - ควบคุมคุณภาพของอาหาร
ผู้ช่วยเชฟต้องควบคุมคุณภาพของอาหารทั้งหมดที่ออกจากครัว เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่เสิร์ฟจะมีรสชาติที่ตรงตามความคาดหวังของลูกค้า รวมถึงการตรวจสอบการจัดจาน และการนำเสนออาหารที่สวยงาม - การจัดการทีมครัว
ผู้ช่วยเชฟต้องดูแล และฝึกอบรมทีมงานในครัว เช่น เชฟผู้ช่วย พ่อครัว และพนักงานครัวให้สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน รวมถึงการประสานงานระหว่างแผนกต่าง ๆ ในการทำอาหาร - ดูแลความสะอาดและมาตรการความปลอดภัย
ผู้ช่วยเชฟต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าครัวมีความสะอาด และถูกสุขลักษณะตามมาตรฐาน รวมถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยอาหาร เช่น การเก็บรักษาวัตถุดิบ การควบคุมอุณหภูมิอาหาร และการทำความสะอาดเครื่องมือครัวให้พร้อมใช้งาน - การจัดการในช่วงเวลาพีค
ในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก เช่น ช่วงเวลาอาหารกลางวันหรือเย็น ผู้ช่วยเชฟจะต้องช่วยดูแลการผลิตอาหารให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมีคุณภาพ โดยการแบ่งงานให้กับพนักงานในครัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถเสิร์ฟอาหารได้ทันเวลา - การปรับปรุงเมนูและนวัตกรรม
ผู้ช่วยเชฟยังมีส่วนร่วมในการคิดค้นเมนูใหม่ ๆ และ การปรับปรุงเมนูเดิมให้ดียิ่งขึ้น เช่น การแนะนำวัตถุดิบใหม่ ๆ การพัฒนาเทคนิคการปรุงอาหาร และ การตกแต่งจานอาหาร
KPI ของตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ
- คุณภาพของอาหารที่เสิร์ฟ
- วัดจากความพึงพอใจของลูกค้า และความคิดเห็นเกี่ยวกับรสชาติ, การตกแต่งจาน, และคุณภาพของอาหาร
- ตัวชี้วัด: คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Score) หรือจำนวนคำติชมในแง่ลบที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพอาหาร
- การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร
- วัดจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร เช่น การเก็บรักษาวัตถุดิบ, การทำความสะอาด, และการปรุงอาหารตามมาตรฐาน
- ตัวชี้วัด: คะแนนจากการตรวจสอบความสะอาด และความปลอดภัยจากทีมตรวจสอบภายในหรือภายนอก
- ความสามารถในการบริหารจัดการทีมครัว
- วัดจากประสิทธิภาพในการจัดการทีมในครัว และการฝึกอบรมพนักงานใหม่
- ตัวชี้วัด: อัตราการสอนงานสำเร็จ (Training Completion Rate) หรืออัตราการผลิตงานของทีมในเวลาที่กำหนด
- การควบคุมต้นทุนอาหาร
- วัดจากการควบคุมต้นทุนการผลิตอาหาร และการใช้วัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวชี้วัด: อัตราการใช้วัตถุดิบ (Food Cost Percentage) หรือจำนวนการสูญเสียวัตถุดิบในครัว
- ประสิทธิภาพในการทำงานในช่วงเวลาพีค
- วัดจากความสามารถในการบริหารการทำงานในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก เช่น การเสิร์ฟอาหารให้ทันเวลา และมีคุณภาพ
- ตัวชี้วัด: เวลาเฉลี่ยในการเสิร์ฟอาหาร (Average Time to Serve) และอัตราการสั่งอาหารที่ถูกต้อง
- ความพึงพอใจของลูกค้า
- วัดจากความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากลูกค้าเกี่ยวกับรสชาติของอาหาร และการบริการ
- ตัวชี้วัด: คะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าผ่านแบบสอบถาม (Customer Feedback Score)
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินผล KPI EsteeMATE มี Features ที่จะช่วยให้คุณประเมินผล KPI ให้กับพนักงานได้ ศึกษาข้อมูลพิ่มเติมได้ ที่นี่