ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการประเมินผล

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการประเมินผล การประเมินผลการทำงานของพนักงานเป็นกระบวนการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการพัฒนา การให้รางวัล หรือการปรับตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การประเมินผลการทำงานอาจเกิดข้อผิดพลาดได้หลายประเภท ซึ่งอาจทำให้ผลการประเมินไม่สะท้อนถึงความเป็นจริงของประสิทธิภาพการทำงานหรือไม่ยุติธรรมกับพนักงาน ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการประเมินผล มีดังนี้

1. Bias (อคติส่วนตัว)

  • คำอธิบาย: อคติในการประเมินผลหมายถึงการที่ผู้ประเมินมีความชอบหรือไม่ชอบพนักงานโดยส่วนตัว ซึ่งอาจทำให้การประเมินผลไม่เป็นกลาง ตัวอย่างเช่น การให้คะแนนที่สูงหรือต่ำกว่าความจริงเพียงเพราะผู้ประเมินชอบหรือไม่ชอบพนักงานคนนั้น
  • ตัวอย่าง:
    • Halo Effect (อิทธิพลของคุณสมบัติเดียว): ผู้ประเมินอาจประเมินพนักงานในด้านอื่นๆ โดยอิงตามความประทับใจในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ถ้าพนักงานทำงานได้ดีในโครงการหนึ่ง ผู้ประเมินอาจให้คะแนนดีในทุกๆ ด้านแม้ว่าพนักงานจะมีข้อบกพร่องในด้านอื่น
    • Horn Effect (อิทธิพลด้านลบ): ผู้ประเมินอาจประเมินพนักงานในด้านอื่นๆ โดยอิงจากข้อผิดพลาดหรือพฤติกรรมที่ไม่ชอบ เช่น หากพนักงานทำผิดพลาดเล็กน้อยในการทำงานอาจทำให้ผู้ประเมินคิดว่าพนักงานทำงานไม่ดีทุกด้าน
  • วิธีหลีกเลี่ยง: การสร้างการประเมินผลที่เป็นมาตรฐาน ใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจน และมีการฝึกอบรมผู้ประเมินให้หลีกเลี่ยงอคติ

2. Leniency or Strictness Bias (ความเมตตาหรือความเข้มงวดเกินไป)

  • คำอธิบาย: การให้คะแนนที่สูงเกินไป (Leniency Bias) หรือการให้คะแนนที่ต่ำเกินไป (Strictness Bias) โดยไม่สัมพันธ์กับความสามารถจริงของพนักงาน
  • ตัวอย่าง:
    • Leniency Bias: ผู้ประเมินอาจให้คะแนนทุกคนสูงเกินไปเพราะไม่อยากทำให้พนักงานรู้สึกไม่ดีหรือมีปัญหากับพนักงาน
    • Strictness Bias: ผู้ประเมินอาจให้คะแนนต่ำกับทุกคนอย่างไม่สมเหตุสมผล เพราะมีมาตรฐานที่เข้มงวดมากเกินไป
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้ระบบการประเมินที่มีการกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น การประเมินแบบ 360 องศาหรือการใช้คะแนนเฉลี่ยจากหลายแหล่งข้อมูล

3. Central Tendency Bias (การให้คะแนนตามแนวกลาง)

  • คำอธิบาย: เป็นการให้คะแนนพนักงานในระดับกลางๆ หรือค่าเฉลี่ย แม้ว่าในความเป็นจริงพนักงานจะมีประสิทธิภาพการทำงานที่แตกต่างกันไป การให้คะแนนตามแนวกลางอาจเกิดจากการที่ผู้ประเมินไม่ต้องการให้คะแนนสูงหรือต่ำเกินไป
  • ตัวอย่าง:
    • หากผู้ประเมินให้คะแนนส่วนใหญ่ในระดับ 3 (จาก 5 คะแนน) เนื่องจากไม่ต้องการให้คะแนนสูงหรือต่ำเกินไป หรือไม่อยากให้ความเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับพนักงาน
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้เกณฑ์การประเมินที่ละเอียด และเฉพาะเจาะจงกว่า เช่น การประเมินผลที่ใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจน และมีคำอธิบายละเอียดในแต่ละเกณฑ์

4. Recency Effect (ผลกระทบจากเหตุการณ์ล่าสุด)

  • คำอธิบาย: การประเมินที่ไม่สะท้อนถึงผลการทำงานในระยะยาว แต่เน้นไปที่เหตุการณ์หรือผลงานที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาล่าสุดมากเกินไป
  • ตัวอย่าง:
    • หากพนักงานทำผิดพลาดในโครงการล่าสุด แต่ผู้ประเมินอาจจะให้ความสำคัญกับการผิดพลาดนั้น และประเมินผลโดยไม่พิจารณาผลงานที่ดีในช่วงก่อนหน้านั้น
    • หากพนักงานทำโครงการใหญ่ได้สำเร็จในช่วงล่าสุด ผู้ประเมินอาจให้คะแนนที่ดีขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ยาวนานก่อนหน้านั้นพนักงานอาจทำผลงานไม่ดี
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้การประเมินผลที่เป็นระยะเวลานาน และประเมินผลงานจากทั้งปีหรือช่วงเวลาที่กำหนด ไม่เน้นไปที่เหตุการณ์ล่าสุด

5. Overlooking External Factors (การมองข้ามปัจจัยภายนอก)

  • คำอธิบาย: การประเมินผลที่ไม่คำนึงถึงปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของพนักงาน เช่น สถานการณ์ทางการเงินของบริษัท หรือปัญหาส่วนตัวของพนักงาน
  • ตัวอย่าง:
    • พนักงานที่ได้รับมอบหมายงานที่ยากเกินไปในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผลการทำงานไม่ดี แต่อาจไม่ได้รับการพิจารณาเหตุผลเหล่านี้ในการประเมิน
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ควรมีการตรวจสอบสภาพแวดล้อมการทำงาน และปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลต่อการทำงาน และให้คำแนะนำหรือการสนับสนุนที่เหมาะสม

6. ความขาดแคลนในการใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจน (Lack of Clear Metrics)

  • คำอธิบาย: การประเมินผลการทำงานที่ขาดตัวชี้วัดที่ชัดเจน และสามารถวัดได้ ทำให้การประเมินไม่สามารถสะท้อนถึงความสามารถหรือผลการทำงานที่แท้จริง
  • ตัวอย่าง:
    • หากการประเมินผลไม่มีกระบวนการที่ชัดเจนในการวัดผลงาน เช่น การให้คะแนนตามความรู้สึกส่วนตัวหรือการให้คะแนนโดยไม่มีกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน อาจทำให้การประเมินไม่สามารถสะท้อนถึงผลงานที่แท้จริงได้
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้การตั้งตัวชี้วัดที่ชัดเจน และมีมาตรฐาน เช่น KPI (Key Performance Indicators) หรือ OKR (Objectives and Key Results) เพื่อให้สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม

7. ความไม่เป็นธรรมในการประเมิน (Inconsistent Evaluation)

  • คำอธิบาย: การที่ผู้ประเมินใช้มาตรฐานที่ไม่เหมือนกันในการประเมินพนักงานในทีมต่างๆ หรือพนักงานในตำแหน่งต่างๆ
  • ตัวอย่าง:
    • ผู้ประเมินอาจให้คะแนนสูงกับพนักงานในบางทีมโดยไม่คำนึงถึงผลงานที่เป็นจริง หรือให้คะแนนต่ำกับพนักงานในทีมอื่นที่มีผลงานดีกว่า เนื่องจากมีการใช้มาตรฐานที่ไม่เหมือนกัน
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ควรใช้เกณฑ์การประเมินที่มีมาตรฐานเดียวกันสำหรับทุกคนในองค์กร และมีการฝึกอบรมให้ผู้ประเมินเข้าใจในการใช้เกณฑ์ประเมินอย่างเป็นธรรม

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการประเมินผลกับงานขาย (Sales Performance Evaluation) มีหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจหรือการปรับปรุงกลยุทธ์การขายในอนาคต ต่อไปนี้คือข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการประเมินผลงานขาย:

1. การใช้ตัวชี้วัดที่ไม่เหมาะสม (Using the Wrong Metrics)

การประเมินผลการขายควรใช้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และลักษณะของธุรกิจ เช่น การใช้เพียงยอดขาย (Sales Volume) เป็นตัวชี้วัดหลักอาจไม่สะท้อนถึงประสิทธิภาพทั้งหมดของทีมขาย เนื่องจากไม่คำนึงถึงมุมมองอื่น ๆ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า, การรักษาลูกค้าเดิม, หรือการคาดการณ์ยอดขายในอนาคต

2. การประเมินผลในระยะสั้นเกินไป (Overemphasis on Short-term Results)

การมุ่งเน้นการประเมินผลจากยอดขายในระยะสั้นอาจทำให้ทีมขายไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้ หรืออาจส่งเสริมพฤติกรรมที่เน้นการปิดการขายอย่างรวดเร็ว แทนที่จะสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจให้ลูกค้า

3. การประเมินจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน (Incomplete Data)

การประเมินผลที่อาศัยข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น การประเมินผลทีมขายจากยอดขายในแต่ละเดือนโดยไม่พิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อยอดขาย เช่น การปรับเปลี่ยนราคา, การแข่งขันในตลาด, หรือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมลูกค้า

4. การประเมินที่ไม่คำนึงถึงปัจจัยภายนอก (Ignoring External Factors)

มักมีการประเมินผลงานการขายโดยไม่พิจารณาถึงปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลกระทบ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจ, สภาวะตลาด, ความนิยมของสินค้าหรือบริการในตลาด หรือปัจจัยทางการเมืองที่อาจทำให้ยอดขายเปลี่ยนแปลงไป

5. การประเมินจากการเปรียบเทียบที่ไม่เป็นธรรม (Unfair Benchmarking)

การเปรียบเทียบผลงานขายของพนักงานขายแต่ละคนหรือทีมขายกับตัวชี้วัดที่ไม่เหมาะสมหรือเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่นที่มีสภาพแวดล้อมการทำงานต่างกันอาจไม่ยุติธรรม และทำให้ทีมขายรู้สึกเสียกำลังใจหรือไม่มีแรงจูงใจในการปรับปรุง

6. การขาดการประเมินคุณภาพ (Ignoring Quality Metrics)

มักจะมีการเน้นที่ยอดขายเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของการขาย เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า, การให้บริการหลังการขาย หรือความยั่งยืนของลูกค้าระยะยาว การไม่พิจารณาคุณภาพในแง่มุมต่าง ๆ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาลูกค้าผิดหวังในระยะยาว

สรุป

การประเมินผลการทำงานมีข้อผิดพลาดหลายประเภทที่อาจเกิดขึ้น เช่น อคติส่วนตัว, ความเมตตาหรือความเข้มงวดเกินไป, การให้คะแนนตามแนวกลาง, ผลกระทบจากเหตุการณ์ล่าสุด, การมองข้ามปัจจัยภายนอก และการขาดตัวชี้วัดที่ชัดเจน การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้สามารถทำได้โดยการสร้างกระบวนการประเมินที่มีความยุติธรรมและเป็นมาตรฐาน ใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจน และพัฒนาผู้ประเมินให้มีความเข้าใจในกระบวนการอย่างลึกซึ้ง

สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่

โปรแกรมประเมิน 360 องศา EsteeMate
โปรแกรมประเมิน 360 องศา 
โปรแกรม KPI ทดลองใช้ฟรี 
KPI ฝ่ายขาย
KPI
KPIs
การประเมิน360 ของฝ่ายขาย
ข้อเสนอแนะแก่พนักงานฝ่ายขาย
การตั้งเป้าหมายและแผนพัฒนาฝ่ายขายกับการประเมิน360
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการประเมินผล


ตัวอย่าง JD งานกราฟฟิค


ตัวอย่าง JD งานโรงแรม


ตัวอย่าง JD งานบริการ


ตัวอย่าง JD งานเซลส์


ตัวอย่าง JD งานขนส่ง


ตัวอย่าง JD งานเซลส์