Tag: esteemate
-
ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัท
การติดตามและวัดผลสำคัญ (Key Performance Indicators – KPIs) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บริษัทมีการตัดสินใจที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจได้ ด้วยเหตุนี้ การเข้าใจตัวอย่าง KPI ที่เหมาะสมสำหรับบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารและทีมงานควรพิจารณาอย่างสม่ำเสมอ Photo by LYCS Architecture on Unsplash ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัทที่คุณสามารถนำเอาไปใช้ได้: สรุป: การเลือกใช้ KPIs ที่เหมาะสมและมีความหมายสำหรับบริษัทเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พบกันในบทความหน้า เรื่อง KPI สำคัญอย่างไรต่อบริษัท
-
ตัวอย่าง KPI ของแผนกการเงิน
KPI (Key Performance Indicators) หรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพสำคัญ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและติดตามผลการดำเนินงานของแผนกหรือองค์กร ซึ่งสำหรับแผนกการเงิน KPI สามารถเน้นได้ทั้งด้านการเงินและด้านการบริหารจัดการทางการเงินขององค์กร KPI ของแผนกการเงินมีความสำคัญด้วยหลายเหตุผล ดังนี้ ตัวอย่างของ KPI สำหรับแผนกการเงินได้แก่ อัตราการเรียกเก็บหนี้ (Debt Collection Rate) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินหนี้ที่สำเร็จการเรียกเก็บได้ต่อรายการเงินหนี้ทั้งหมดที่ต้องเรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหนี้ (Cost of Debt Collection) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดเก็บหนี้ต่อยอดหนี้ที่เก็บได้ ระยะเวลาการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญ (Cycle Time for Invoice Processing) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญทางการเงิน ตั้งแต่วันที่รับใบสำคัญจนถึงวันที่อนุมัติเสร็จสิ้น อัตราผลตอบแทนในการลงทุน (Return on Investment – ROI) วัดผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในกิจกรรมทางการเงิน เช่น การลงทุนในระบบสารสนเทศทางการเงินหรือการพัฒนากระบวนการทางการเงิน อัตราค่าใช้จ่ายทั่วไป (Operating Expense Ratio) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของแผนกการเงินต่อรายได้ทั้งหมดของบริษัท ระยะเวลาในการประมวลผลการชำระเงิน (Payment Processing Time) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการประมวลผลการชำระเงิน ตั้งแต่วันที่รับคำขอชำระเงินจนถึงการชำระเงินจริง อัตราความผิดพลาดในการบัญชี…
-
ตัวอย่าง KPI สำหรับฝ่ายขาย
KPI (Key Performance Indicators) หรือตัวชี้วัดผลสำคัญสำหรับฝ่ายขาย มีหลากหลายอย่าง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ของธุรกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร ดังนี้คือตัวอย่างของ KPI สำหรับฝ่ายขาย วิธีการประเมิน รวบรวมยอดขายทั้งหมดจากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ขาย สูตร คำอธิบายสูตร 2. ยอดขายต่อบุคคล (Sales per Individual) คำนวณจากยอดขายทั้งหมดหารด้วยจำนวนพนักงานขาย เป็นวิธีการวัดประสิทธิภาพของพนักงานแต่ละคนในทีม วิธีการประเมิน แบ่งยอดขายรวมด้วยจำนวนพนักงานขาย สูตร คำอธิบายสูตร 3. กำไรขั้นต้น (Gross Profit) นับจากยอดขายทั้งหมดลบด้วยต้นทุนทั้งหมด เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของฝ่ายขาย วิธีการประเมิน คำนวณจากยอดขายรวมหักต้นทุนของสินค้าที่ขาย สูตร คำอธิบายสูตร 4. การเพิ่มลูกค้าใหม่ (New Customer Acquisition) วัดจำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้รับมาในระยะเวลาที่กำหนด เป็นการวัดความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ วิธีการประเมิน นับจำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง สูตร คำอธิบายสูตร 5. การรักษาลูกค้า (Customer Retention) วัดอัตราการรักษาลูกค้าเก่าในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดูความพึงพอใจของลูกค้าและความสามารถในการรักษาลูกค้า วิธีการประเมิน คำนวณอัตราส่วนของลูกค้าที่รักษาไว้…
-
ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน มีอะไรบ้าง
ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน หรือดัชนีชี้วัดผลงานของผู้บริหาร คือตัวชี้วัดที่ใช้วัดความสำเร็จของการบริหารงาน การนำทีม และการสนับสนุนเป้าหมายขององค์กร โดยตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงาน ภาระกิจ และเป้าหมายของแต่ละฝ่ายหรือแผนก ตัวอย่างของ Key Performance Indicators (KPIs) ที่อาจจะใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของหัวหน้างานได้แก่: KPIs เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างแรกที่อาจจะถูกใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของหัวหน้างานและทีมที่เขานำ การเลือก KPIs ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับลักษณะและวัตถุประสงค์ขององค์กรและทีมในแต่ละกรณีในองค์กรนั้นๆ อีกทั้งยังควรมีการตรวจสอบและปรับปรุง KPIs เพื่อให้เข้ากับบริบทและเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กรอย่างต่อเนื่องด้วย การวิเคราะห์และการปรับปรุง KPIs เป็นขั้นตอนสำคัญในการใช้งานข้อมูลเพื่อปรับปรุงการบริหารและพัฒนาทีมในองค์กร ถ้าสนใจระบบประเมินผลที่ช่วยให้คุณวัดผลงานในองค์กรได้อย่างง่ายๆ ติดต่อเราได้ที่นี่
-
ประโยชน์และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
Photo by krakenimages on Unsplash การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ: ประโยชน์และผลลัพธ์ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเป็นการทำให้ธุรกิจมีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ การใช้ระบบนี้มีประโยชน์และผลลัพธ์ที่สำคัญต่อธุรกิจดังนี้: ดังนั้น การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณมีผลลัพธ์ที่สำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว.
-
สร้างระบบประเมินผลงานของพนักงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
การประเมินผลงานของพนักงานเป็นกิจกรรมที่สำคัญสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร การประเมินผลงานไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริหารทราบถึงความสามารถ ความเป็นมืออาชีพ และความก้าวหน้าของพนักงาน แต่ยังช่วยให้พนักงานทราบถึงความคาดหวัง ความสำเร็จ และความต้องการพัฒนาตนเอง นอกจากนี้การประเมินผลงานยังเป็นเครื่องมือในการให้รางวัล การเลื่อนตำแหน่ง การกำหนดเงินเดือน และการวางแผนการพัฒนาทักษะของพนักงาน อย่างไรก็ตามการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ลักษณะงาน วัฒนธรรมองค์กร ความต้องการของพนักงาน และเทคโนโลยีที่มีอยู่ หากคุณใช้ระบบประเมินผลงานที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงาน การร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ดังนั้นคุณต้องรู้วิธีการสร้างระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ในบทความนี้ เราจะอธิบายหลักการและขั้นตอนในการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงาน และวิธีการปรับระบบประเมินผลงานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ นอกจากนี้เรายังจะอธิบายประโยชน์และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ การสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงานมีหลักการและขั้นตอนดังนี้ การปรับระบบประเมินผลงานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเป็นกระบวนการที่ต้องใช้การวิเคราะห์ การทดลอง และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง คุณไม่สามารถใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมือนกันกับองค์กรอื่นได้ เพราะธุรกิจของคุณมีลักษณะ วัตถุประสงค์ และความแตกต่างเฉพาะตัว ดังนั้นคุณต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการประเมินผลงานของพนักงาน ได้แก่ เรามาดูกันว่า ประโยชน์และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ในตอนหน้า
-
ตัวอย่าง kpi สำหรับงานแอดมิน
งานแอดมินมีหน้าที่หลากหลายและมุ่งเน้นในการสนับสนุนทำให้ธุรกิจทำงานได้สะดวกและประสานงานได้ดีขึ้น การกำหนด KPI (Key Performance Indicator) สำหรับงานแอดมินมีความสำคัญหลายประการ เพราะการกำหนด KPI ช่วยในการวัดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของงานแอดมิน ว่ามีความสามารถในการทำงานตามเป้าหมายและข้อกำหนดที่ตั้งไว้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามและประเมินผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ KPI ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของงานแอดมิน โดยทำให้พนักงานสามารถเห็นภาพรวมของความสำเร็จและข้อบกพร่องในการทำงาน ทำให้สามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังช่วยในการสร้างความโปร่งใสในการทำงาน โดยทุกคนในทีมสามารถเห็นถึงเป้าหมายและผลการทำงาน ซึ่งช่วยในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างสมาชิกในทีม มากไปกว่านั้น KPI ยังช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับงานแอดมิน ทำให้พนักงานสามารถรู้ว่าความสำเร็จของตนถูกวัดจากอะไรและต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น นอกจากนี้ KPI ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นและให้แรงจูงใจแก่พนักงาน โดยการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและสามารถวัดผลได้ ช่วยให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานและพยายามพัฒนาตนเอง ท้ายสุดแล้ว การกำหนด KPI สำหรับงานแอดมินยังช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ด้วยข้อมูลที่ได้จาก KPI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทำงาน ทำให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้ การกำหนด KPI สำหรับงานแอดมินจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานและสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Photo by Campaign Creators on Unsplash การใช้ KPI ที่เหมาะสมและการติดตามค่า KPI อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ทีมงานแอดมินสามารถปรับปรุงและปรับเปลี่ยนการทำงานในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้ KPI ยังช่วยในการพัฒนาบุคลากร…
-
กำหนด KPI ให้กับพนักงานในร้านอาหาร
พนักงานที่ทำงานในร้านอาหาร ถือเป็นด่านหน้าที่จะเจอลูกค้าเป็นคนแรก ดังนั้นพนักงานที่ดีจะสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการบริการให้กับลูกค้าได้ การกำหนด KPI สำหรับพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พนักงานเข้าใจความสำคัญของหน้าที่และการปฏิบัติงานของพวกเขา Photo by Vanna Phon on Unsplash ตัวอย่างของ KPI ที่เหมาะสมสำหรับพนักงานเสิร์ฟได้แก่: การกำหนด KPI ต้องถูกปรับเปลี่ยนและประเมินอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของธุรกิจของพวกเรา เลือกเอา KPI ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของร้านเราไปใช้กันได้เลยนะคะ ดูตัวอย่าง JD ของตำแหน่งเชฟ
-
ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดีควรจะเป็นยังไง
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ว่าระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดีควรมีลักษณะแบบไหนบ้าง ที่เหมาะกับการนำเอามาใช้วัดผลงานของพนักงานในองค์กร ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเป็นระบบที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่สามารถวัดได้โดยไม่ซับซ้อน นอกจากนี้แล้ว ระบบประเมินผลที่ดียังควรเน้นไปที่การส่งเสริมและสนับสนุนพนักงานให้สามารถพัฒนาทักษะและความสามารถในการทำงานได้ด้วย เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า Photo by Jess Bailey on Unsplash นี่คือคุณลักษณะบางข้อที่เราสามารถนำมาใช้ในการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงานในองค์กรกัน: การสร้างระบบประเมินผลงานที่ดี ต้องถูกสร้างขึ้นอย่างใส่ใจและคำนึงถึงความเป็นมาตรฐานที่แท้จริงขององค์กรและความต้องการของพนักงานด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วการสร้างระบบประเมินผลงานที่ดีต้องให้ความสำคัญกับการเป็นธรรมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความเหมาะสมขององค์กรเองด้วยค่ะ.
-
Skill กับ Competency ต่างกันอย่างไร
สวัสดีค่ะกลางเดือนกันค่ะทุกคน เพื่อนๆ สาย HRD เคยสงสัยกันไหมคะว่า คำว่า “Skill” และ “competency” แตกต่างกันอย่างไร ทั้งสองคำนี้เป็นคำศัพท์ที่มั่นใจเลยว่า พวกเราได้ยินกันบ่อยมากเมื่อพูดถึงงานประเมินผลพนักงาน ฟังเผินๆแล้วก็นึกไปว่ามันคือสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีความแตกต่างกันนะคะ Photo by Brooke Cagle on Unsplash ดังนั้น ทักษะ (Skill) เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ง่ายและมักเกี่ยวกับการกระทำที่เฉพาะเจาะจง ในขณะที่ความสามารถ (Competency) เป็นสิ่งที่แสดงถึงการประยุกต์ใช้ทักษะและความรู้ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสำคัญในการทำงานอย่างมีเหตุผลและประสิทธิภาพมากขึ้น ในบางหน่วยงานได้มองเห็นถึงความสำคัญของการนำเอา Skill และ Competency มาใช้ในการจ้างงานหรือการพัฒนาการทำงานของบุคคลกันเลยทีเดียว ตอนหน้าเราจะมาดูกันว่า แล้ว KPI ล่ะ มีความสำคัญอย่างไรกับบริษัท