OKRs (Objectives and Key Results) คือ ระบบการตั้งเป้าหมายและการวัดผลที่นิยมใช้ในองค์กรเพื่อให้ทีมงานทุกคนมุ่งไปในทิศทางเดียวกันและสามารถประเมินความสำเร็จของเป้าหมายได้ชัดเจน OKRs ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ คือ Objectives (เป้าหมาย) และ Key Results (ผลลัพธ์ที่สำคัญ) ซึ่งเป้าหมายจะบ่งบอกถึงสิ่งที่องค์กรหรือทีมต้องการทำให้สำเร็จ ในขณะที่ Key Results จะเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินว่าได้บรรลุเป้าหมายหรือไม่
Photo by engin akyurt on Unsplash
ทำไม OKRs ถึงสำคัญต่อองค์กร
1. สร้างความชัดเจนในเป้าหมาย
- เหตุผล: OKRs ช่วยให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจเป้าหมายที่สำคัญและสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ
- ตัวอย่าง: หากองค์กรมีเป้าหมายในการขยายตลาด การตั้ง Objective ที่ชัดเจนเช่น “ขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่” และ Key Results ที่เกี่ยวข้อง เช่น “เพิ่มลูกค้าใหม่ 20%” จะช่วยให้ทีมงานทุกคนรู้ว่าเป้าหมายที่สำคัญคืออะไร และทำงานตามแผนได้อย่างมีทิศทาง
2. การวัดผลและติดตามความคืบหน้า
- เหตุผล: OKRs ช่วยให้สามารถประเมินผลได้อย่างชัดเจน โดยใช้ Key Results เป็นเครื่องมือในการวัดว่าองค์กรหรือทีมทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่
- ตัวอย่าง: หากองค์กรมี Key Result ที่ชัดเจนเช่น “เพิ่มยอดขาย 15%” หรือ “ลดต้นทุน 10%” การวัดผลตามตัวเลขเหล่านี้ช่วยให้รู้ว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่
3. กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม
- เหตุผล: OKRs ส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกคนในองค์กร เนื่องจากทุกคนจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน
- ตัวอย่าง: ในแผนกต่าง ๆ เช่น การตลาด การขาย หรือฝ่ายผลิต ทุกคนจะมีเป้าหมายที่สอดคล้องกัน เช่น ทีมการตลาดอาจมีเป้าหมายในการสร้างการรับรู้แบรนด์ ขณะที่ทีมขายอาจมุ่งไปที่การเพิ่มยอดขายจากลูกค้าใหม่
4. สร้างความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์
- เหตุผล: OKRs ช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้เร็ว เมื่อมีการติดตามผลที่เป็นระยะ ๆ ซึ่งทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ดี
- ตัวอย่าง: หากองค์กรพบว่า Key Result ที่ตั้งไว้ไม่เป็นไปตามแผน (เช่น เพิ่มลูกค้าใหม่ไม่ถึง 20%) ทีมงานสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ได้ทันที
5. สนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
- เหตุผล: OKRs ช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นที่การเติบโตในระยะยาว ไม่ใช่แค่เป้าหมายระยะสั้น ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและมุ่งมั่น
- ตัวอย่าง: การตั้ง Objective ที่เน้นการเติบโตในระยะยาว เช่น “ขยายตลาดในประเทศใหม่” หรือ “ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย” และ Key Results เช่น “เพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในประเทศใหม่ 30%” จะช่วยสร้างความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
6. การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งผลลัพธ์
- เหตุผล: OKRs ช่วยให้ทุกคนในองค์กรมุ่งไปที่การบรรลุผลลัพธ์แทนที่จะมุ่งแค่การทำงานตามหน้าที่
- ตัวอย่าง: การตั้ง OKRs ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เช่น “ลดระยะเวลาในการผลิตสินค้า 10%” จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
7. การเชื่อมโยงเป้าหมายของแต่ละทีมกับองค์กร
- เหตุผล: OKRs ช่วยให้เป้าหมายของแผนกต่าง ๆ สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรทั้งหมด ทำให้ทุกคนทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จขององค์กร
- ตัวอย่าง: แผนกการตลาดอาจมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างแบรนด์ ขณะที่แผนกขายมุ่งเน้นในการปิดการขายกับลูกค้าใหม่ โดยมี Key Results ที่เกี่ยวข้องกัน เช่น การเพิ่มยอดขายหรือการสร้างการรับรู้แบรนด์
ตัวอย่าง OKRs ขององค์กร
ตัวอย่างที่ 1: OKRs สำหรับการเติบโตของธุรกิจ
- Objective 1: ขยายตลาดและเพิ่มยอดขาย
- Key Result 1.1: เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ 25% ในไตรมาสหน้า
- Key Result 1.2: เพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิม 15%
- Key Result 1.3: เปิดสาขาใหม่ใน 2 เมืองภายในสิ้นปีนี้
- Key Result 1.4: ปรับปรุงกระบวนการขายเพื่อเพิ่มอัตราการปิดการขาย (Conversion Rate) เป็น 10%
การอธิบาย:
- Objective 1 เป็นเป้าหมายที่สำคัญขององค์กรในการขยายตลาดและเพิ่มยอดขาย โดยมี Key Results ที่ชัดเจน ซึ่งทำให้สามารถวัดผลได้ เช่น การเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ หรือการเปิดสาขาใหม่ในหลายเมือง
- การตั้ง Key Results ที่สามารถวัดผลได้และระบุระยะเวลา ทำให้ทีมงานสามารถทำงานตามแผนได้อย่างมีเป้าหมาย
ตัวอย่างที่ 2: OKRs สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์
- Objective 2: ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์
- Key Result 2.1: ลดจำนวนข้อผิดพลาดในการผลิตลง 20% ภายใน 6 เดือน
- Key Result 2.2: ได้รับฟีดแบคที่ดีจากลูกค้าอย่างน้อย 90% หลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
- Key Result 2.3: เสร็จสิ้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาสนี้
- Key Result 2.4: เพิ่มการใช้งานผลิตภัณฑ์ใหม่จากลูกค้าเดิม 25%
การอธิบาย:
- Objective 2 มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถทำได้โดยการลดข้อผิดพลาดในการผลิต หรือการได้รับฟีดแบคจากลูกค้า
- การตั้ง Key Results ที่ชัดเจนทำให้องค์กรสามารถตรวจสอบและวัดความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ รวมถึงสามารถปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างที่ 3: OKRs สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กร
- Objective 3: เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร
- Key Result 3.1: ลดระยะเวลาการทำงานในกระบวนการภายในลง 15% โดยการปรับปรุงระบบเทคโนโลยี
- Key Result 3.2: ลดต้นทุนการดำเนินงาน 10% โดยการปรับกระบวนการและการบริหารจัดการทรัพยากร
- Key Result 3.3: เพิ่มความพึงพอใจของพนักงานจาก 80% เป็น 90% ภายในปีนี้
- Key Result 3.4: ลดอัตราการลาออกของพนักงานจาก 15% เป็น 10%
การอธิบาย:
- Objective 3 เป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายในองค์กร โดยการปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เช่น การลดระยะเวลาในการทำงาน, การลดต้นทุนการดำเนินงาน และการเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
- การตั้ง Key Results ให้ครอบคลุมหลายด้าน ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงทั้งด้านต้นทุน, เวลา, และความพึงพอใจของพนักงานได้
ตัวอย่างที่ 4: OKRs สำหรับการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า
- Objective 4: สร้างการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้นกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์
- Key Result 4.1: เพิ่มจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram) 20% ภายใน 3 เดือน
- Key Result 4.2: สร้างเนื้อหาที่ได้รับการตอบรับจากผู้ติดตามอย่างน้อย 50% ในทุกโพสต์
- Key Result 4.3: เพิ่มจำนวนลูกค้าที่มีการโต้ตอบ (Engagement) ผ่านช่องทางออนไลน์ 30%
- Key Result 4.4: เพิ่มการรับรู้แบรนด์จากผลสำรวจลูกค้าประมาณ 15%
การอธิบาย:
- Objective 4 คือการสร้างการมีส่วนร่วมจากลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถวัดผลได้จากการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย หรือการเพิ่มการโต้ตอบจากลูกค้า
- การตั้ง Key Results ชัดเจนเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามหรือการโต้ตอบจะช่วยให้ทีมการตลาดสามารถทำงานได้อย่างมีทิศทางและสามารถติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง
OKRs เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการตั้งเป้าหมายและวัดผลความสำเร็จขององค์กร โดยมีลักษณะของ Objective ที่เป็นเป้าหมายใหญ่ และ Key Results ที่เป็นตัวชี้วัดผลสำเร็จที่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจน ตัวอย่าง OKRs ที่กล่าวมานั้นครอบคลุมถึงหลายด้านของการเติบโตของธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร และการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า การตั้ง OKRs ที่ดีจะช่วยให้ทีมงานทุกคนมุ่งไปในทิศทางเดียวกันและสามารถวัดผลความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ