ตัวอย่าง Digital Transformation

Digital Transformation (การเปลี่ยนแปลงดิจิทัล) คือกระบวนการที่องค์กรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน, การให้บริการลูกค้า, และการดำเนินธุรกิจโดยรวม นี่คือตัวอย่างของ Digital Transformation ในหลากหลายอุตสาหกรรม

Photo by Engin Akyurt

1. การค้าปลีก

  • การค้าออนไลน์ (E-commerce) ร้านค้าเช่น Amazon หรือ Alibaba ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าจากที่บ้านได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว หรือ Shopee เป็นแอปพลิเคชัน Online Shopping ที่นำ Digital Transformation มาปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนำ ​Deep Learning มาใช้ในการค้นหาและแนะนำสินค้า รวมถึงการเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้ในการสั่งซื้อสินค้า ติดต่อผู้ขาย และติดตามสถานะพัสดุ
  • การใช้ข้อมูลลูกค้า (Customer Data Analytics) ร้านค้าปลีกใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับความต้องการ เช่นการแนะนำสินค้าตามประวัติการซื้อ

2. การธนาคารและการเงิน

  • การธนาคารดิจิทัล (Digital Banking) ธนาคารเช่น DBS หรือ Revolut ใช้แอปพลิเคชันมือถือเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร เช่น การชำระเงินผ่านมือถือและ E-Wallets: การใช้บริการเช่น Apple Pay, Google Wallet, หรือ Samsung Pay สำหรับการชำระเงินผ่านมือถือที่สะดวกและปลอดภัย
  • การโอนเงินระหว่างประเทศ การใช้บริการเช่น TransferWise หรือ Revolut เพื่อโอนเงินข้ามประเทศอย่างรวดเร็วและค่าใช้จ่ายต่ำ
  • การวิเคราะห์ข้อมูลใหญ่ (Big Data Analytics) ใช้ข้อมูลใหญ่ในการประเมินความเสี่ยงและตรวจจับการฉ้อโกงในธุรกรรมทางการเงิน

3. การดูแลสุขภาพ

  • การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) โรงพยาบาลและคลินิกใช้เทคโนโลยีวิดีโอคอลเพื่อให้คำปรึกษาหรือการรักษาแก่ผู้ป่วยจากระยะไกล เช่น Zoom หรือ Microsoft Teams เพื่อให้แพทย์และผู้ป่วยสามารถพูดคุยและรับคำปรึกษาโดยไม่ต้องพบหน้ากัน
  • การบันทึกข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Health Records) การใช้ระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้การจัดการข้อมูลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย
  • การใช้เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ (Wearable Technology) การใช้อุปกรณ์สวมใส่ได้ เช่น Fitbit หรือ Apple Watch ที่สามารถติดตามกิจกรรมทางกาย, การเต้นของหัวใจ, และการนอนหลับ เ็นการติดตามสุขภาพตนเอง

Photo by fauxels

4. การศึกษา

  • การเรียนรู้ออนไลน์ (Online Learning) แพลตฟอร์มเช่น Coursera หรือ Khan Academy เสนอบทเรียนออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ หรือการเรียนรู้ออนไลน์แบบมีชีวิต (Live Online Classes): การใช้เครื่องมือวิดีโอคอล เช่น Zoom หรือ Microsoft Teams เพื่อจัดการเรียนการสอนแบบสดและการสัมมนาออนไลน์
  • การใช้เทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) การใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ เช่น การใช้แอปพลิเคชันการศึกษาหรือเกมการเรียนรู้ Quizlet, Duolingo, หรือ Google Classroom เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ หรือ การใช้เกมเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม เช่น การใช้เกมการศึกษาเพื่อฝึกทักษะหรือการเรียนรู้ผ่านการแข่งขัน

5. การผลิต

  • การผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) การใช้เซ็นเซอร์, IoT, และ AI ในการติดตามและปรับปรุงกระบวนการผลิต เช่นการใช้หุ่นยนต์ในการประกอบชิ้นส่วน
  • การวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต (Manufacturing Data Analytics) การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

6. การขนส่งและโลจิสติกส์

  • การจัดการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Logistics) การใช้ GPS และ IoT ในการติดตามการจัดส่งและการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เซ็นเซอร์เพื่อวัดอุณหภูมิ, ความชื้น และสภาพอื่น ๆ ของสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ หรือ รถยนต์ไร้คนขับ บริษัทอย่าง Waymo และ Tesla พัฒนารถยนต์ไร้คนขับที่ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์และ AI ในการขับขี่อย่างปลอดภัย
  • การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Uber Freight ที่เชื่อมโยงผู้ขับรถขนส่งกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ การใช้ ERP ในการจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง

7. การสื่อสารและความบันเทิง

  • การสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน การใช้แอปพลิเคชันการสื่อสารเช่น WhatsApp, Facebook Messenger, และ Telegram ทำให้ผู้คนสามารถส่งข้อความ, โทรศัพท์, หรือวิดีโอคอลได้ทุกที่ทุกเวลาการประชุมทางวิดีโอ การใช้แพลตฟอร์มเช่น Zoom, Microsoft Teams, และ Google Meet
  • การสตรีมมิ่ง (Streaming Services) การใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix /Disney+ หรือ Spotify ให้บริการสื่อดิจิทัล เช่น ภาพยนตร์หรือเพลงที่สามารถเข้าถึงได้ตามต้องการโดยไม่ต้องพึ่งพาการออกอากาศทางทีวี หรือ การใช้เว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น YouTube, Instagram, และ TikTok เพื่อเผยแพร่และแบ่งปันเนื้อหาที่สร้างสรรค์
  • การโฆษณาและการตลาดดิจิทัล การใช้โซเชียลมีเดียและการโฆษณาออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า

8. อสังหาริมทรัพย์

  • การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการซื้อขาย การใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันสำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น Zillow หรือ Realtor
  • การใช้ VR และ AR การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) และความเป็นจริงเสริม (AR) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมอสังหาริมทรัพย์จากที่บ้าน

9. การบริการลูกค้า

  • การใช้แชทบอท (Chatbots) ใช้แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้บริการลูกค้า 24/7 เช่นการตอบคำถามหรือการแก้ปัญหาพื้นฐาน
  • การสนับสนุนลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล การใช้โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชันสำหรับการให้บริการลูกค้าและการจัดการคำร้องเรียน เช่น เว็บไซต์, แอปพลิเคชันมือถือ, โซเชียลมีเดีย, และอีเมล โดยข้อมูลและประวัติการติดต่อจะถูกเก็บและประสานกันในทุกช่องทาง
  • การเชื่อมต่อข้อมูลลูกค้า: การรวมข้อมูลจากทุกช่องทางเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สม่ำเสมอและสามารถติดตามปัญหาหรือคำขอได้จากทุกที่

10. การจัดการทรัพยากรบุคคล

  • การใช้แพลตฟอร์ม HR ดิจิทัล การใช้ระบบการจัดการทรัพยากรบุคคล (HRM) ที่ช่วยในการจัดการการสรรหาพนักงาน, การติดตามการฝึกอบรม, และการจัดการเงินเดือน
  • การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลพนักงาน การวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานเพื่อปรับปรุงการจัดการทรัพยากรบุคคลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ทดสอบความสามารถ, การทดสอบบุคลิกภาพ, และการสัมภาษณ์วิดีโอ