KPI คืออะไร

KPI คืออะไร หลายๆคนอาจจะรู้แล้วว่า KPI ย่อมาจากคำว่า Key Performance Indicators หรือตัวชี้วัดผลสำคัญ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดและประเมินผลสำคัญของการดำเนินงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในองค์กร แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ความ หมาย KPI คือ อะไรกันแน่

“KPI คือตัวชี้วัดที่สามารถบ่งบอกถึงความสำเร็จในการทำงานหรือการดำเนินงานตามเป้าหมายขององค์กรได้อย่างชัดเจน”

ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตัวชี้วัดเหล่านี้สามารถเป็นตัวชี้วัดทางการเงิน เช่น ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือตัวชี้วัดทางปฏิบัติการ เช่น ประสิทธิภาพในการผลิต ระยะเวลาในการตอบกลับลูกค้า หรือตัวชี้วัดทางคุณภาพ เช่น ระดับความพึงพอใจของลูกค้า

การประเมิน KPI เป็นกระบวนการสำคัญที่ใช้ในการวัดผลและปรับปรุงความสำเร็จขององค์กรได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ประเภทของ KPI

KPI สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ:

  1. KPI เชิงปริมาณ (Quantitative ): เป็นตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลได้ในเชิงตัวเลข เช่น ยอดขายจำนวนเท่าไหร่, จำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น, หรือระยะเวลาการทำงานที่ลดลง
  2. KPI เชิงคุณภาพ (Qualitative ): เป็นตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า, การพัฒนาองค์กรในด้านความสัมพันธ์ภายในทีม

ความสำคัญของ KPI

KPI มีความสำคัญในหลายๆ ด้านของการดำเนินงาน เช่น:

  • การติดตามผล: ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน
  • การตั้งเป้าหมาย: ช่วยให้องค์กรสามารถตั้งเป้าหมายและมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
  • การปรับปรุงและพัฒนา: หากผลลัพธ์ของ KPI ออกมาไม่ดี ก็สามารถปรับปรุงกระบวนการหรือกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุผลในอนาคต
  • การตัดสินใจที่ดีกว่า: ข้อมูลที่ได้จาก KPI สามารถช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจในการปรับปรุงแผนงานหรือกระบวนการทำงานต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

ประเภทของ KPI (Key Performance Indicator) สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะการใช้และวัตถุประสงค์ที่ต้องการวัดผล ซึ่งแบ่งออกเป็นหลักๆ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ:

1. KPI ที่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ (Outcome KPIs)

Outcome KPIs มุ่งเน้นไปที่การวัดผลลัพธ์หรือผลสำเร็จที่เกิดจากการดำเนินงานในระยะยาว ซึ่งสามารถบอกได้ว่าองค์กรหรือแผนกบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่

ตัวอย่าง Outcome KPIs:

  • ยอดขายที่เพิ่มขึ้น: เช่น “เพิ่มยอดขายรวม 20% ในไตรมาสนี้”
  • การเติบโตของกำไร: เช่น “เพิ่มกำไรสุทธิ 15% ภายในปีนี้”
  • การลดต้นทุน: เช่น “ลดต้นทุนการผลิต 10% ในปีนี้”
  • ความพึงพอใจของลูกค้า: เช่น “ได้คะแนนความพึงพอใจจากลูกค้า 90%”

ลักษณะเด่น:

  • วัดผลลัพธ์ที่สำเร็จจากการดำเนินงาน
  • ช่วยบอกถึงความสำเร็จโดยรวมขององค์กรในเชิงของผลลัพธ์
2. KPI ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม (Activity KPIs)

Activity KPIs มุ่งเน้นไปที่การวัดกิจกรรมหรือการกระทำที่เกิดขึ้นในกระบวนการดำเนินงาน ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการทำงานที่ดีขึ้นในระยะสั้นและช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

ตัวอย่าง Activity KPIs:

  • จำนวนการติดต่อกับลูกค้าใหม่: เช่น “ติดต่อลูกค้าใหม่ 50 รายภายในเดือนนี้”
  • จำนวนการประชุมที่จัดขึ้น: เช่น “จัดการประชุมกับลูกค้าหรือผู้บริหาร 10 ครั้งต่อเดือน”
  • อัตราการตอบสนองของบริการลูกค้า: เช่น “ลดเวลาในการตอบคำถามของลูกค้าให้เร็วขึ้นจาก 1 ชั่วโมงเป็น 30 นาที”
  • การพัฒนาทักษะพนักงาน: เช่น “ฝึกอบรมพนักงาน 100% ในทักษะใหม่ภายในไตรมาสนี้”

ลักษณะเด่น:

  • วัดกิจกรรมหรือการดำเนินการที่ช่วยสนับสนุนเป้าหมายใหญ่
  • ใช้ในการตรวจสอบประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
3. KPI ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน (Financial KPIs)

KPI ประเภทนี้จะวัดผลที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น รายได้ กำไร หรือการจัดการทรัพยากรทางการเงินขององค์กร

ตัวอย่าง Financial KPIs:

  • ยอดขาย: เช่น “ยอดขายรวม 1 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้”
  • อัตรากำไรสุทธิ: เช่น “อัตรากำไรสุทธิ 15% ของยอดขายทั้งหมด”
  • ผลกำไรจากการลงทุน (ROI): เช่น “ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการใหม่ 25%”
  • อัตราการเติบโตของรายได้: เช่น “เพิ่มรายได้จากการขาย 10% ต่อปี”

ลักษณะเด่น:

  • ใช้ในการวัดการเติบโตหรือความมั่นคงทางการเงินขององค์กร
  • ช่วยในการตัดสินใจในด้านการเงินและการลงทุน
4. KPI ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและประสิทธิภาพ (Operational KPIs)

KPI ประเภทนี้จะเน้นที่การวัดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ในกระบวนการผลิตหรือกระบวนการปฏิบัติงานขององค์กร เช่น ความเร็วในการผลิต ความผิดพลาด หรือการใช้ทรัพยากร

ตัวอย่าง Operational KPIs:

  • เวลาการผลิตสินค้า: เช่น “ลดเวลาการผลิตสินค้าแต่ละชิ้นจาก 3 ชั่วโมงเป็น 2 ชั่วโมง”
  • อัตราความผิดพลาดในการผลิต: เช่น “ลดอัตราความผิดพลาดจาก 5% เป็น 2%”
  • การใช้ทรัพยากร: เช่น “ลดการใช้วัตถุดิบ 10% ต่อหน่วยการผลิต”
  • อัตราการขนส่งตรงเวลา: เช่น “ขนส่งสินค้าให้ถึงมือผู้ลูกค้าในเวลาที่กำหนด 98%”

ลักษณะเด่น:

  • ช่วยในการวัดประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและการใช้ทรัพยากร
  • ใช้ในการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. KPI ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า (Customer KPIs)

KPI ประเภทนี้มุ่งเน้นในการวัดผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการพึงพอใจของลูกค้า การรักษาฐานลูกค้า หรือการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่

ตัวอย่าง Customer KPIs:

  • ความพึงพอใจของลูกค้า: เช่น “ได้คะแนนความพึงพอใจจากลูกค้า 85% จากแบบสำรวจ”
  • จำนวนลูกค้าใหม่: เช่น “หาลูกค้าใหม่ได้ 100 รายในเดือนนี้”
  • อัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retention Rate): เช่น “รักษาลูกค้าเดิม 90% จากฐานลูกค้าเดิม”
  • เวลาตอบสนองต่อคำถามลูกค้า: เช่น “ตอบคำถามลูกค้าในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง”

ลักษณะเด่น:

  • วัดประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าและการสร้างความพึงพอใจ
  • ช่วยในการรักษาฐานลูกค้าและขยายตลาด
6. KPI ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน (Employee KPIs)

KPI ประเภทนี้มุ่งเน้นในการวัดผลการทำงานของพนักงาน หรือการพัฒนาทักษะของพนักงานในองค์กร

ตัวอย่าง Employee KPIs:

  • อัตราการลาออกของพนักงาน: เช่น “ลดอัตราการลาออกของพนักงานลง 5%”
  • ความพึงพอใจของพนักงาน: เช่น “เพิ่มคะแนนความพึงพอใจของพนักงานจาก 80% เป็น 90% ในปีนี้”
  • การพัฒนาทักษะของพนักงาน: เช่น “ให้พนักงาน 90% ได้รับการฝึกอบรมทักษะใหม่”
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน: เช่น “เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในแผนกผลิต 10%”

ลักษณะเด่น:

  • ช่วยในการพัฒนาบุคลากรและส่งเสริมความพึงพอใจในที่ทำงาน
  • ใช้ในการวัดการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพของพนักงาน