บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน

บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากการใช้เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

1. บทบาทและหน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน พนักงานขายไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ที่ทำหน้าที่เสนอขายสินค้าและบริการอีกต่อไป แต่ต้องมีบทบาทที่กว้างขวางและต้องพัฒนาทักษะหลายด้านเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บทบาทหลักของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน:

การเข้าใจลูกค้าและการให้บริการที่ปรับตัวได้

    • พนักงานขายต้องสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหมาะสมที่สุด รวมถึงการฟังและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา
    • การให้บริการที่ปรับตัวได้และตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี เช่น การเสนอขายแบบออนไลน์, การให้คำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่จำกัดเฉพาะสินค้าหรือบริการ

    การใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการขาย

      • พนักงานขายในปัจจุบันต้องใช้เครื่องมือเทคโนโลยีในการจัดการกับลูกค้า เช่น ระบบ CRM (Customer Relationship Management) สำหรับการติดตามลูกค้า การใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมตสินค้าหรือบริการ
      • ใช้ ข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data Analytics) ในการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า หรือการสร้างข้อเสนอที่เหมาะสม

      การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า (Relationship Selling)

        • พนักงานขายในปัจจุบันต้องมีทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำ หรือแม้แต่แนะนำผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้อื่น
        • การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากมีการแข่งขันสูง และการรักษาลูกค้าเก่ามักจะง่ายและประหยัดกว่าการหาลูกค้าใหม่

        การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

          • พนักงานขายต้องพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น ทักษะในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
          • การเข้าร่วมการอบรมและสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการขายจะช่วยพัฒนาทักษะการเจรจาและการปิดการขายได้ดีขึ้น

          การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า (Omni-channel Selling)

            • พนักงานขายในยุคปัจจุบันต้องเข้าใจว่าลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าในช่องทางเดียวอีกต่อไป พวกเขาอาจค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ สื่อโซเชียล หรือแม้แต่การติดต่อกับร้านค้าทางโทรศัพท์ พนักงานขายต้องสามารถทำงานข้ามช่องทางการขาย (Omni-channel) ได้อย่างราบรื่น

            หน้าที่หลักของพนักงานขาย:การจัดการและดูแลลูกค้าปัจจุบัน

              • ติดตามความพึงพอใจของลูกค้า จัดการคำถามหรือปัญหาของลูกค้า
              • เสนอแนะสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มยอดขาย (Cross-Selling หรือ Up-Selling)
              1. การหาลูกค้าใหม่ (Lead Generation)
              • สร้างและขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลหรือเครือข่ายทางสังคม
              • ติดตามลูกค้าใหม่ผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การโทรศัพท์ การประชุมออนไลน์ หรือการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มการรับรู้
              1. การเจรจาต่อรองและปิดการขาย
              • การเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปิดการขาย โดยสามารถตอบคำถามและขจัดข้อสงสัยของลูกค้า
              • ใช้ทักษะการพูดที่ชัดเจนและการตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

              ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน

              การตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีหลายขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้การประเมินผลมีความชัดเจน ตรงตามเป้าหมายและสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการทำงานในอนาคตได้

              ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน:

              1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการประเมิน

              ก่อนเริ่มตั้งค่าระบบประเมินผล ควรกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการประเมินให้ชัดเจนว่าเป็นการวัดผลเพื่อการพัฒนา, การปรับปรุงประสิทธิภาพ หรือการตัดสินใจเชิงนโยบายอื่น ๆ

              • ตัวอย่าง: เป้าหมายของการประเมินอาจเป็นการประเมินผลการขายประจำเดือนหรือไตรมาส เพื่อให้เห็นความสำเร็จในด้านยอดขาย, การติดต่อกับลูกค้า, หรือการปฏิบัติตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

              2. กำหนดตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน (KPIs)

              ตัวชี้วัด (KPI) จะเป็นเครื่องมือหลักในการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เช่น

              • ยอดขาย: เป็น KPI ที่สำคัญในงานขาย
              • ลูกค้าใหม่: จำนวนลูกค้าใหม่ที่สามารถแปลงเป็นลูกค้าประจำ
              • อัตราการปิดการขาย (Conversion Rate): เปอร์เซ็นต์ของโอกาสการขายที่กลายเป็นการขายจริง
              • ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction): วัดจากผลการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า
              • ตัวอย่าง: ในการประเมินผลพนักงานขาย KPI อาจรวมถึงการทำยอดขายให้ได้ตามเป้า, การติดตามลูกค้าใหม่ หรือการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว

              3. เลือกระบบการประเมินที่เหมาะสม

              เลือกระบบที่ช่วยในการประเมินผลการทำงาน เช่น การประเมินแบบ 360 องศา (360-Degree Feedback), การประเมินจากผู้บังคับบัญชา, หรือการประเมินตนเอง (Self-Assessment)

              • ตัวอย่าง: ระบบการประเมินอาจจะใช้แบบ 360 องศา ซึ่งจะมีการประเมินจากหลายแหล่ง เช่น หัวหน้า, เพื่อนร่วมงาน, และการประเมินจากตัวพนักงานเอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน

              4. กำหนดระยะเวลาการประเมิน

              ระบุช่วงเวลาในการประเมิน เช่น การประเมินผลรายเดือน, รายไตรมาส หรือรายปี เพื่อให้สามารถวัดผลได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

              • ตัวอย่าง: การประเมินผลของพนักงานขายอาจจะทำในช่วงสิ้นไตรมาส เพื่อตรวจสอบยอดขายและพิจารณาความสำเร็จตาม KPI ที่กำหนด

              5. การให้ฟีดแบ็กและการพัฒนาผลการทำงาน

              หลังจากประเมินผลเสร็จสิ้น ควรให้ฟีดแบ็กแก่พนักงานเพื่อให้รู้ถึงจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุง พร้อมกับวางแผนการพัฒนาในอนาคต

              • ตัวอย่าง: หากพนักงานขายไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้า สามารถให้คำแนะนำและฟีดแบ็กเชิงบวก เช่น การพัฒนาเทคนิคการเจรจาต่อรอง หรือการฝึกทักษะการใช้เครื่องมือ CRM

              6. ติดตามและปรับปรุงผลการประเมิน

              การติดตามผลและปรับปรุงกระบวนการประเมินผลให้เหมาะสมกับสถานการณ์จะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

              • ตัวอย่าง: หากพบว่าพนักงานขายยังไม่สามารถบรรลุยอดขายตามเป้าหมาย อาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การประเมิน หรือให้การฝึกอบรมเพิ่มเติมในด้านการขาย

              ตัวอย่างบทบาทและหน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน: ตัวอย่างกับงานขาย

              ในยุคปัจจุบัน พนักงานขายต้องมีทักษะและบทบาทที่หลากหลาย ไม่เพียงแค่การขายสินค้า แต่ยังต้องสามารถปรับตัวตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การใช้เทคโนโลยีในการช่วยขาย การเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าคือกุญแจสำคัญในการขายที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างบทบาทและหน้าที่ของพนักงานขายในยุคนี้จะถูกอธิบายผ่านกรณีของพนักงานขายใน ธุรกิจสินค้าเทคโนโลยี เช่น โน้ตบุ๊ก/อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้า

              1. การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า (Relationship Selling)

              พนักงานขายในยุคปัจจุบันต้องสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยไม่เน้นแค่การขายครั้งเดียว แต่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นและการให้บริการที่ดีต่อเนื่อง

              ตัวอย่าง:

              • พนักงานขายโน้ตบุ๊กในห้างสรรพสินค้า: พนักงานขายไม่เพียงแค่แนะนำสินค้าตามสเปคที่ลูกค้าต้องการ แต่ยังต้องช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกอุปกรณ์เสริม (เช่น เมาส์, คีย์บอร์ด, กระเป๋า) ที่เหมาะสมกับการใช้งานลูกค้า พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการหลังการขาย เช่น การรับประกัน การซ่อมแซม และการอัพเกรดระบบในอนาคต
              • การติดตามหลังการขาย: หลังจากการขายแล้ว พนักงานขายจะโทรติดต่อหรือส่งข้อความเพื่อสอบถามว่าลูกค้าใช้สินค้าอย่างไรและมีข้อเสนอแนะหรือไม่ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

              2. การใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการขาย (Digital Sales Tools)

              พนักงานขายในยุคนี้ต้องสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการลูกค้า เช่น การใช้ ระบบ CRM (Customer Relationship Management) หรือเครื่องมือการขายออนไลน์ เช่น การทำ Live Chat หรือ การขายผ่านโซเชียลมีเดีย

              ตัวอย่าง:

              • พนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าออนไลน์: พนักงานขายจะใช้ โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, หรือ LINE เพื่อโปรโมตสินค้าให้เข้าถึงลูกค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
                • ในระหว่างการขาย พนักงานขายจะใช้ CRM เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าทุกคน เช่น ข้อมูลการติดต่อ, ประวัติการซื้อสินค้า, หรือการสนทนาใน Live Chat เพื่อให้สามารถติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสนอบริการหรือโปรโมชั่นที่เหมาะสม
              • พนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านออนไลน์ (E-Commerce): พนักงานขายในช่องทางออนไลน์ใช้เทคโนโลยีในการแนะนำสินค้าผ่านเครื่องมืออย่าง Live Chat, AI Chatbot, หรือแม้แต่การประชุมผ่าน Video Call เพื่อให้คำแนะนำและแสดงข้อมูลสินค้าผ่านหน้าจอ

              3. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและการปรับกลยุทธ์การขาย (Data-Driven Sales)

              การใช้ ข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data Analytics) ในการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและคาดการณ์แนวโน้มการซื้อสินค้าเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของพนักงานขาย

              ตัวอย่าง:

              • พนักงานขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์: เมื่อพนักงานขายเข้าถึงข้อมูลผ่าน ระบบ CRM หรือ Google Analytics เขาจะเห็นว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าประเภทหนึ่งมักจะสนใจสินค้าประเภทอื่นในกลุ่มเดียวกัน พนักงานขายจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อเสนอแนะสินค้าที่เหมาะสม
                • การใช้ข้อมูลลูกค้า: พนักงานขายอาจพบว่าลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊กแบบพกพามักจะสนใจการซื้ออุปกรณ์เสริมเช่น กระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กหรือเมาส์ไร้สาย ด้วยข้อมูลนี้ พนักงานขายจะสามารถเสนอขายสินค้าดังกล่าวได้ทันทีหลังจากที่ลูกค้าซื้อโน้ตบุ๊ก

              4. การจัดการและตอบสนองต่อคำถามและข้อร้องเรียนของลูกค้า (Customer Service & Problem Solving)

              พนักงานขายในยุคปัจจุบันต้องมีทักษะในการแก้ไขปัญหาและตอบคำถามลูกค้าให้ทันที โดยไม่เพียงแค่การขาย แต่ยังต้องสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน

              ตัวอย่าง:

              • พนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างสรรพสินค้า: ลูกค้าซื้อเครื่องซักผ้า แต่พบว่ามีปัญหาในการใช้งาน พนักงานขายจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า เช่น ให้คำแนะนำการใช้งานหรือประสานงานกับแผนกบริการลูกค้าเพื่อเปลี่ยนเครื่องซักผ้าใหม่ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อยืดอายุการใช้งาน
              • พนักงานขายใน E-Commerce: หากลูกค้าประสบปัญหาสินค้าเสียหรือไม่พอใจในสินค้าที่ได้รับ พนักงานขายจะต้องรับเรื่องทันที โดยให้คำแนะนำในการคืนสินค้าและการเปลี่ยนสินค้าใหม่ หรือเสนอโปรโมชั่นพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ

              สรุป

              การตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เลือกระบบที่เหมาะสม และกำหนดตัวชี้วดที่สามารถประเมินผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การให้ฟีดแบ็กและการติดตามผลการประเมินจะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาผลการทำงานของพนักงานได้ต่อเนื่องและยั่งยืน

              กลยุทธ์การขาย (Sales Strategy)
เทคนิคการขาย (Sales Techniques)
การบริการลูกค้า (Customer Service)
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis)
การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building)
การติดตามลูกค้า (Customer Follow-up)
การปิดการขาย (Closing Sales)
การจัดการเวลา (Time Management)
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
CRM
โปรแกรมขาย
บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน
              กลยุทธ์การขาย (Sales Strategy)
เทคนิคการขาย (Sales Techniques)
การบริการลูกค้า (Customer Service)
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน
การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis)
การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building)
การติดตามลูกค้า (Customer Follow-up)
การปิดการขาย (Closing Sales)
การจัดการเวลา (Time Management)
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
CRM
โปรแกรมขาย

              สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่