Tag: ระบบประเมินผล
-
ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ (Performance Evaluation System) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการทำงานของพนักงานในองค์กร โดยผ่านระบบออนไลน์ที่มีการจัดการ และวัดผลอย่างเป็นระเบียบและโปร่งใส ทั้งในเรื่องของการตั้งเป้าหมาย การประเมินผล การติดตามผล และการวิเคราะห์ข้อมูล ผลของการประเมินจะนำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาทักษะ และศักยภาพของพนักงาน ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรในภาพรวม ระบบประเมินผลออนไลน์สามารถมีฟังก์ชัน และคุณสมบัติหลากหลายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การประเมินที่โปร่งใส และเป็นมาตรฐาน การติดตามผลอย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ผลที่ครอบคลุม และการจัดทำรายงานที่มีความละเอียด เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการขององค์กร ทำไมต้องใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ ลักษณะของ ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ 1. การตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด (Key Performance Indicators – KPIs) 2. การประเมินผลที่โปร่งใสและเป็นมาตรฐาน 3. การประเมินแบบ 360 องศา (360-degree Feedback) 4. การติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 5. การวิเคราะห์ผลการประเมินและการสร้างรายงาน 6. การจัดการความสะดวกสบายในการใช้งาน 7. การพัฒนาบุคลากร ประโยชน์ของระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ ตัวอย่างระบบประเมินผลออนไลน์ยอดนิยม เคล็ดลับในการเลือกใช้ระบบประเมินผลออนไลน์ สรุป…
-
ตัวอย่าง Job Description และ KPI ของตำแหน่ง Administrative and Human Resource Officer
Administrative and Human Resource Officer เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและทรัพยากรบุคคล (Administrative and Human Resources (HR) Officer) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร HR หรือ ผู้ดูแลระบบ HR มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของฝ่ายบริหารและทรัพยากรบุคคลขององค์กร หน้าที่หลักของตำแหน่งนี้มักมีถึง: Photo by Amy Hirschi on Unsplash ตัวอย่าง Job Description ของตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและทรัพยากรบุคคล Administrative and Human Resource Officer งานด้าน Administrative: 1. การเก็บบันทึก การจัดเก็บเอกสาร และการติดต่อสื่อสาร 2. ประสานงานการประชุม การนัดหมาย และการเดินทางสำหรับผู้บริหารและพนักงาน 3. คีย์ข้อมูล รักษาสเปรดชีต และสร้างรายงานตามที่จำเป็น 4. ช่วยในการวางแผนงบประมาณและการเงิน การติดตามค่าใช้จ่าย และการจัดเตรียมงบการเงิน หน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคล: ความสำคัญของตำแหน่ง…
-
ตัวอย่าง Job Description และ KPI ของตำแหน่ง Account Manager (Sales)
ตำแหน่งงานผู้จัดการบัญชีลูกค้า(ฝ่ายขาย) หรือ Account Manager (Sales) เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในด้านการขาย มีหน้าที่หลักๆคือจัดการ และดูแลความสัมพันธ์ กับลูกค้าปัจจุบันเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากการขาย และสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว รายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบ มีดังต่อไปนี้ Photo by Austin Distel on Unsplash หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก 1. Account Planning พัฒนาความเข้าใจในความต้องการ เป้าหมาย และความท้าทายของลูกค้า เพื่อวางแผนการดูแลบัญชีที่เหมาะสมตามลักษณะของลูกค้า 2. Relationship Building ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี และสร้างความไว้วางใจกับผู้มีอำนาจตัดสินใจที่เป็นลูกค้าปัจจุบันเพื่อสร้างความจงรักภักดี การรักษาลูกค้า และโอกาสในการขายเพิ่มในอนาคต 3. Sales Strategy ร่วมมือกับทีมงานด้านอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์, การตลาด เพื่อพัฒนากลยุทธ์การขายที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และเป้าหมายของบริษัท 4. Prospecting มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ภายในบัญชีลูกค้าปัจจุบันเพื่อขยายความสัมพันธ์ และเพิ่มรายได้ 5. Order Management ดูแลจัดการกระบวนการตั้งแต่การสั่งซื้อจนถึงการชำระเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว และถูกต้องที่สุด 6. Customer…
-
ตัวอย่าง Job Description และ KPI ของตำแหน่ง Account Admin
ตัวอย่าง JD หรือ Job Description ของตำแหน่ง Account Administrator (Account Admin) มักจะเป็นการจัดการดูแลงาน day-to-day operations ในส่วนของ บัญชี การเงิน และแอดมินต่างๆ ขององค์กร โดยมักจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ Photo by Sincerely Media on Unsplash ตัวอย่าง Job Description 1. Financial Management จัดการและดูแลบันทึกทางการเงิน รวมถึงบัญชีเจ้าหนี้, บัญชีลูกหนี้, การออกใบแจ้งหนี้ และการติดตามค่าใช้จ่าย 2. Accounting Systems Administration ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของระบบบัญชี เช่น สมุดบัญชีทั่วไป, บัญชีเจ้าหนี้ และบัญชีลูกหนี้ 3. Data Entry and Processing ป้อนและประมวลผลธุรกรรมทางการเงิน, ใบแจ้งหนี้, การชำระเงิน และข้อมูลอื่น ๆ…
-
ฟีเจอร์ของระบบ Performance Management System
ฟีเจอร์ของระบบ Performance Management System (PMS) ระบบ Performance Management System (PMS) คือระบบที่ช่วยองค์กรในการติดตามและประเมินผลการทำงานของพนักงาน เพื่อให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและผลลัพธ์ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟีเจอร์หลักของระบบ PMS มีหลากหลายที่รองรับกระบวนการติดตาม ประเมินผล และพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ต่อไปนี้คือฟีเจอร์หลัก ๆ ของระบบ PMS 1. การตั้งเป้าหมาย (Goal Setting) 2. การประเมินผลการทำงาน (Performance Appraisal) 3. การให้ข้อเสนอแนะ (Feedback Management) 4. การติดตามและประเมินผล KPI (Key Performance Indicators) 5. การประเมินความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Engagement) 6. การวางแผนและพัฒนาทักษะ (Development Planning) 7. การจัดการการฝึกอบรม (Training Management) 8. การตั้งระบบการยอมรับ (Recognition System)…
-
ตัวอย่าง KPI ของแผนกการเงิน
KPI (Key Performance Indicators) หรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพสำคัญ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและติดตามผลการดำเนินงานของแผนกหรือองค์กร ซึ่งสำหรับแผนกการเงิน KPI สามารถเน้นได้ทั้งด้านการเงินและด้านการบริหารจัดการทางการเงินขององค์กร ตัวอย่างของ KPI ของแผนกการเงิน ได้แก่ 1.อัตราการเรียกเก็บหนี้ (Debt Collection Rate) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินหนี้ที่สำเร็จการเรียกเก็บได้ต่อรายการเงินหนี้ทั้งหมดที่ต้องเรียกเก็บ 2.ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหนี้ (Cost of Debt Collection) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดเก็บหนี้ต่อยอดหนี้ที่เก็บได้ 3.ระยะเวลาการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญ (Cycle Time for Invoice Processing) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญทางการเงิน ตั้งแต่วันที่รับใบสำคัญจนถึงวันที่อนุมัติเสร็จสิ้น 4.อัตราผลตอบแทนในการลงทุน (Return on Investment – ROI) วัดผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในกิจกรรมทางการเงิน เช่น การลงทุนในระบบสารสนเทศทางการเงินหรือการพัฒนากระบวนการทางการเงิน 5.อัตราค่าใช้จ่ายทั่วไป (Operating Expense Ratio) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของแผนกการเงินต่อรายได้ทั้งหมดของบริษัท 6.ระยะเวลาในการประมวลผลการชำระเงิน (Payment Processing Time) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการประมวลผลการชำระเงิน ตั้งแต่วันที่รับคำขอชำระเงินจนถึงการชำระเงินจริง 7.อัตราความผิดพลาดในการบัญชี (Accounting Error…
-
ประโยชน์และผลลัพธ์ ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ประโยชน์และผลลัพธ์ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเป็นการทำให้ธุรกิจมีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ การใช้ระบบนี้มี ประโยชน์และผลลัพธ์ ที่สำคัญต่อธุรกิจ ดังนี้ Photo by krakenimages on Unsplash ประโยชน์จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสม 1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ระบบประเมินผลงานช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบ และวัดผลการทำงานของพนักงานได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถระบุได้ว่าพนักงานคนไหนมีผลการทำงานที่ดีหรือไม่ดี และต้องการการพัฒนาในด้านใด ตัวอย่างเช่น 2. การพัฒนาความสามารถของพนักงาน เมื่อทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของพนักงานจากการประเมินผล ทำให้สามารถจัดการฝึกอบรมหรือพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้ตรงจุด ซึ่งส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น 3. สร้างแรงจูงใจและความพึงพอใจในงาน การประเมินผลงานที่มีความยุติธรรม และโปร่งใสสามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่าความพยายามที่ทำไปนั้นได้รับการยอมรับและมีคุณค่า ตัวอย่างเช่น 4. การกำหนดทิศทางการเติบโตและการสรรหาบุคลากร ระบบประเมินผลงานช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นทิศทางการเติบโตของพนักงานและกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในองค์กรได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น 5. เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ธุรกิจที่ใช้ระบบประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพจะสามารถพัฒนาและรักษาทีมงานที่มีความสามารถได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น 6. การตัดสินใจที่ดีขึ้นในการจัดสรรทรัพยากร การมีข้อมูลจากระบบประเมินผลงานจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการจัดสรรทรัพยากร (เช่น งบประมาณในการฝึกอบรม หรือโบนัส) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงาน 1.…
-
ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดี ควรจะเป็นยังไง
ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดี ควรมีลักษณะแบบไหนบ้าง ที่เหมาะกับการนำเอามาใช้วัดผลงานของพนักงานในองค์กร ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเป็นระบบที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่สามารถวัดได้โดยไม่ซับซ้อน นอกจากนี้แล้ว ระบบประเมินผลที่ดียังควรเน้นไปที่การส่งเสริมและสนับสนุนพนักงานให้สามารถพัฒนาทักษะและความสามารถในการทำงานได้ด้วย เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า Photo by Jess Bailey on Unsplash นี่คือคุณลักษณะบางข้อที่เราสามารถนำมาใช้ในการสร้าง ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดี ในองค์กรกัน 1. มีการกำหนดเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน ระบบประเมินผลงานที่ดีต้องมีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนและวัดผลได้ เช่น การวัดความสำเร็จจากการทำงานตามเป้าหมาย (KPIs) หรือการประเมินทักษะเฉพาะที่สำคัญต่อบทบาทของพนักงาน เช่น ความสามารถในการทำงานเป็นทีม หรือการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง 2. การประเมินที่โปร่งใสและมีความยุติธรรม ระบบประเมินผลงานควรเปิดเผยให้พนักงานทราบถึงเกณฑ์การประเมินและกระบวนการต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการประเมิน รวมทั้งควรให้โอกาสพนักงานในการให้ข้อมูลหรือสะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินผลงานด้วย ตัวอย่าง 3. มีการประเมินที่หลากหลายมุมมอง (360-degree feedback) การประเมินจากหลายแหล่ง (เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือพนักงานในทีม) ช่วยให้การประเมินมีความหลากหลายและสะท้อนผลการทำงานที่แท้จริงมากขึ้น ตัวอย่าง 4. มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ (SMART Goals) ระบบการประเมินที่ดีต้องสามารถเชื่อมโยงกับการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น เป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง (Specific), วัดผลได้ (Measurable),…