Category: Competency and KPI
-
จะเป็นอย่างไร ถ้าหากองค์กรดำเนินงานโดยที่ไม่มี KPI
ถ้าหากองค์กรดำเนินงานโดยที่ไม่มี KPI KPI (Key Performance Indicators) จะมีผลกระทบหลายประการในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน ความสามารถในการติดตามผล และ การบรรลุเป้าหมายขององค์กร รวมทั้งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ ภายในองค์กรอย่างมีนัยสำคัญ ต่อไปนี้คือการอธิบายผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อองค์กรไม่มี KPI Photo by Francisco De Legarreta C. on Unsplash ถ้าหากองค์กรดำเนินงานโดยที่ไม่มี KPI 1. ขาดความชัดเจนในเป้าหมาย KPI คือเครื่องมือสำคัญในการกำหนดเป้าหมาย และ การติดตามความก้าวหน้า หากองค์กรไม่มี KPI จะขาดการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ทีมงานไม่รู้ว่าต้องทำอะไร และ ควรทำให้สำเร็จในระดับไหน ความสำคัญ: ตัวอย่าง: 2. ขาดการวัดผล และ ติดตามความคืบหน้า KPI ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงาน และ การบรรลุเป้าหมายได้ หากไม่มี KPI การติดตามผลจะเป็นไปได้ยาก และ ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าองค์กรกำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ ความสำคัญ: ตัวอย่าง: 3.…
-
KPI คืออะไร
KPI คืออะไร หลายๆคนอาจจะรู้แล้วว่า KPI ย่อมาจากคำว่า Key Performance Indicators หรือตัวชี้วัดผลสำคัญ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดและประเมินผลสำคัญของการดำเนินงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในองค์กร แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ความ หมาย KPI คือ อะไรกันแน่ “KPI คือตัวชี้วัดที่สามารถบ่งบอกถึงความสำเร็จในการทำงานหรือการดำเนินงานตามเป้าหมายขององค์กรได้อย่างชัดเจน” ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตัวชี้วัดเหล่านี้สามารถเป็นตัวชี้วัดทางการเงิน เช่น ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือตัวชี้วัดทางปฏิบัติการ เช่น ประสิทธิภาพในการผลิต ระยะเวลาในการตอบกลับลูกค้า หรือตัวชี้วัดทางคุณภาพ เช่น ระดับความพึงพอใจของลูกค้า การประเมิน KPI เป็นกระบวนการสำคัญที่ใช้ในการวัดผลและปรับปรุงความสำเร็จขององค์กรได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ประเภทของ KPI KPI สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ: ความสำคัญของ KPI KPI มีความสำคัญในหลายๆ ด้านของการดำเนินงาน เช่น: ประเภทของ KPI (Key Performance Indicator) สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะการใช้และวัตถุประสงค์ที่ต้องการวัดผล ซึ่งแบ่งออกเป็นหลักๆ…
-
แบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์
การประเมินโปรโมทเซลส์ เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพของทีมขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ แบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์เป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดการหรือผู้บริหารสามารถทราบถึงปัญหาและโอกาสที่มีอยู่ และช่วยให้ทีมขายพัฒนาและปรับปรุงทักษะและความสามารถในการทำงานได้อย่างเหมาะสม Photo by krakenimages on Unsplash จุดประสงค์ของแบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์ ส่วนประกอบสำคัญของแบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์: การวิเคราะห์และการปรับปรุงผลการขาย การประเมินโปรโมทเซลส์เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้ผู้จัดการสามารถทราบถึงปัญหาและความต้องการของลูกค้า และสามารถวางแผนและปรับปรุงกลยุทธ์การขายได้อย่างมีเสถียรภาพ ดังนั้น การสร้างแบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์ที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการขายและการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนประกอบสำคัญของแบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์ที่มีความสำคัญต่อการวิเคราะห์และการปรับปรุงผลการขายของธุรกิจ: การใช้แบบฟอร์มประเมินโปรโมทเจ้าหน้าที่ด้านการขาย ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างการรับรู้ที่ดีในองค์กรและส่งเสริมพัฒนาการทำงานของพนักงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการมีแบบฟอร์มที่เหมาะสมและสมบูรณ์ องค์กรจะสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เติบโตและยั่งยืนได้ในระยะยาว แบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทหรือองค์กรประเมินผลการทำงานของพนักงานขาย (Sales) หลังจากการทำการโปรโมทหรือแคมเปญการขาย เพื่อดูว่าแคมเปญนั้นๆ สามารถบรรลุเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ต้องการได้หรือไม่ รวมถึงการประเมินพัฒนาการของพนักงานขายในการทำงานและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์ของการใช้แบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์: โครงสร้างของแบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์ แบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์จะมีหลายส่วนที่สำคัญ ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแคมเปญ, การประเมินประสิทธิภาพของพนักงานขาย, และผลลัพธ์ที่ได้รับจากการโปรโมท ตัวอย่างโครงสร้างแบบฟอร์มประเมินโปรโมทเซลส์ 1. ข้อมูลทั่วไป 2. การประเมินการทำงาน (Score 1-5) ให้คะแนนจาก 1-5 โดย 1 = ไม่พอใจที่สุด, 5 = พอใจมากที่สุด…
-
KPI สำคัญอย่างไรต่อบริษัท
การมี KPI หรือตัวชี้วัดผลสำคัญเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับบริษัทเพราะเหตุผลต่อไปนี้: Photo by Austin Distel on Unsplash KPI สำคัญอย่างไรต่อบริษัท มีดังนี้ การวัดประสิทธิภาพและความสำเร็จKPI ช่วยให้บริษัทสามารถวัดความสำเร็จของกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่นำไปใช้ ตัวชี้วัดนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถเห็นภาพรวมของผลการดำเนินงานได้ชัดเจนมากขึ้น เช่น การวัดการเติบโตของรายได้, อัตรากำไร, หรืออัตราการปิดการขาย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถประเมินว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นบรรลุผลหรือไม่ ตัวอย่าง:ถ้า KPI ของบริษัทคือการเพิ่มยอดขายขึ้น 20% ในปีนี้ หากบริษัทสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นจริง 20% ตามเป้าหมายนี้ ก็หมายความว่ากลยุทธ์การขายของบริษัทประสบความสำเร็จ การตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุนKPI เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารหรือแผนกต่าง ๆ สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน ตัวชี้วัดเหล่านี้จะช่วยให้เห็นว่าอะไรทำงานได้ดีและอะไรต้องได้รับการปรับปรุง ตัวอย่าง:หาก KPI ของการตลาดคือต้นทุนต่อการได้มาของลูกค้า (Customer Acquisition Cost – CAC) สูงขึ้นกว่าปีก่อน แผนกการตลาดอาจต้องทบทวนกลยุทธ์การใช้จ่ายเพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่ในราคาที่เหมาะสม การปรับปรุงประสิทธิภาพการติดตาม KPI ช่วยให้บริษัทเห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของการดำเนินงาน สามารถปรับกลยุทธ์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมและทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การปรับปรุงกระบวนการขายหรือการลดต้นทุนในการผลิต ตัวอย่าง:หาก KPI ของแผนกการผลิตคือ…
-
ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัท
การติดตามและวัดผลสำคัญ (Key Performance Indicators – KPIs) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บริษัทมีการตัดสินใจที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจได้ ด้วยเหตุนี้ การเข้าใจตัวอย่าง KPI ที่เหมาะสมสำหรับบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารและทีมงานควรพิจารณาอย่างสม่ำเสมอ Photo by LYCS Architecture on Unsplash ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัทที่คุณสามารถนำเอาไปใช้ได้: สรุป: การเลือกใช้ KPIs ที่เหมาะสมและมีความหมายสำหรับบริษัทเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัท แต่ละแผนก KPI (Key Performance Indicators) คือ ตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดผลการดำเนินงานขององค์กรหรือแผนกต่าง ๆ ในบริษัท โดยช่วยให้บริษัทสามารถติดตามความก้าวหน้าและความสำเร็จของเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย KPI ที่เหมาะสมจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ขององค์กร ในบทความนี้จะยกตัวอย่าง KPI ที่สามารถใช้สำหรับบริษัทในหลากหลายแผนก เช่น แผนกการเงิน, การตลาด, การขาย, และการบริการลูกค้า 1. KPI แผนกการเงิน KPI: อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit…
-
ตัวอย่าง KPI ของแผนกการเงิน
KPI (Key Performance Indicators) หรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพสำคัญ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและติดตามผลการดำเนินงานของแผนกหรือองค์กร ซึ่งสำหรับแผนกการเงิน KPI สามารถเน้นได้ทั้งด้านการเงินและด้านการบริหารจัดการทางการเงินขององค์กร ตัวอย่างของ KPI ของแผนกการเงิน ได้แก่ 1.อัตราการเรียกเก็บหนี้ (Debt Collection Rate) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินหนี้ที่สำเร็จการเรียกเก็บได้ต่อรายการเงินหนี้ทั้งหมดที่ต้องเรียกเก็บ 2.ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหนี้ (Cost of Debt Collection) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดเก็บหนี้ต่อยอดหนี้ที่เก็บได้ 3.ระยะเวลาการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญ (Cycle Time for Invoice Processing) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญทางการเงิน ตั้งแต่วันที่รับใบสำคัญจนถึงวันที่อนุมัติเสร็จสิ้น 4.อัตราผลตอบแทนในการลงทุน (Return on Investment – ROI) วัดผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในกิจกรรมทางการเงิน เช่น การลงทุนในระบบสารสนเทศทางการเงินหรือการพัฒนากระบวนการทางการเงิน 5.อัตราค่าใช้จ่ายทั่วไป (Operating Expense Ratio) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของแผนกการเงินต่อรายได้ทั้งหมดของบริษัท 6.ระยะเวลาในการประมวลผลการชำระเงิน (Payment Processing Time) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการประมวลผลการชำระเงิน ตั้งแต่วันที่รับคำขอชำระเงินจนถึงการชำระเงินจริง 7.อัตราความผิดพลาดในการบัญชี (Accounting Error…
-
ตัวอย่าง KPI สำหรับฝ่ายขาย
KPI (Key Performance Indicators) หรือตัวชี้วัดผลสำคัญสำหรับฝ่ายขาย มีหลากหลายอย่าง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ของธุรกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร ดังนี้คือตัวอย่างของ KPI สำหรับฝ่ายขาย วิธีการประเมิน รวบรวมยอดขายทั้งหมดจากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ขาย สูตร คำอธิบายสูตร 2. ยอดขายต่อบุคคล (Sales per Individual) คำนวณจากยอดขายทั้งหมดหารด้วยจำนวนพนักงานขาย เป็นวิธีการวัดประสิทธิภาพของพนักงานแต่ละคนในทีม วิธีการประเมิน แบ่งยอดขายรวมด้วยจำนวนพนักงานขาย สูตร คำอธิบายสูตร 3. กำไรขั้นต้น (Gross Profit) นับจากยอดขายทั้งหมดลบด้วยต้นทุนทั้งหมด เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของฝ่ายขาย วิธีการประเมิน คำนวณจากยอดขายรวมหักต้นทุนของสินค้าที่ขาย สูตร คำอธิบายสูตร 4. การเพิ่มลูกค้าใหม่ (New Customer Acquisition) วัดจำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้รับมาในระยะเวลาที่กำหนด เป็นการวัดความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ วิธีการประเมิน นับจำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง สูตร คำอธิบายสูตร 5. การรักษาลูกค้า (Customer Retention) วัดอัตราการรักษาลูกค้าเก่าในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดูความพึงพอใจของลูกค้าและความสามารถในการรักษาลูกค้า วิธีการประเมิน คำนวณอัตราส่วนของลูกค้าที่รักษาไว้…
-
ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน มีอะไรบ้าง
ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน หรือดัชนีชี้วัดผลงานของผู้บริหาร คือตัวชี้วัดที่ใช้วัดความสำเร็จของการบริหารงาน การนำทีม และการสนับสนุนเป้าหมายขององค์กร โดยตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงาน ภาระกิจ และเป้าหมายของแต่ละฝ่ายหรือแผนก ตัวอย่างของ Key Performance Indicators (KPIs) ที่อาจจะใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของหัวหน้างาน ได้แก่ ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน พร้อมการอธิบายและวิธีการคำนวณ ตัวอย่างเช่น ถ้าใน 1 วัน ทีมผลิตสินค้าได้ 500 ชิ้น และใช้เวลา 8 ชั่วโมง 2. Employee Engagement (การมีส่วนร่วมของพนักงาน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามี 75% ของพนักงานที่พึงพอใจหรือมีส่วนร่วมในทีม 3. Quality of Work (คุณภาพของงาน) 4. Team Attendance (การเข้าร่วมงานของทีม) 5. Training and Development (การฝึกอบรมและพัฒนา)…
-
ประโยชน์และผลลัพธ์ ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ประโยชน์และผลลัพธ์ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเป็นการทำให้ธุรกิจมีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ การใช้ระบบนี้มี ประโยชน์และผลลัพธ์ ที่สำคัญต่อธุรกิจ ดังนี้ Photo by krakenimages on Unsplash ประโยชน์จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสม 1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ระบบประเมินผลงานช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบ และวัดผลการทำงานของพนักงานได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถระบุได้ว่าพนักงานคนไหนมีผลการทำงานที่ดีหรือไม่ดี และต้องการการพัฒนาในด้านใด ตัวอย่างเช่น 2. การพัฒนาความสามารถของพนักงาน เมื่อทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของพนักงานจากการประเมินผล ทำให้สามารถจัดการฝึกอบรมหรือพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้ตรงจุด ซึ่งส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น 3. สร้างแรงจูงใจและความพึงพอใจในงาน การประเมินผลงานที่มีความยุติธรรม และโปร่งใสสามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่าความพยายามที่ทำไปนั้นได้รับการยอมรับและมีคุณค่า ตัวอย่างเช่น 4. การกำหนดทิศทางการเติบโตและการสรรหาบุคลากร ระบบประเมินผลงานช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นทิศทางการเติบโตของพนักงานและกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในองค์กรได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น 5. เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ธุรกิจที่ใช้ระบบประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพจะสามารถพัฒนาและรักษาทีมงานที่มีความสามารถได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น 6. การตัดสินใจที่ดีขึ้นในการจัดสรรทรัพยากร การมีข้อมูลจากระบบประเมินผลงานจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการจัดสรรทรัพยากร (เช่น งบประมาณในการฝึกอบรม หรือโบนัส) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงาน 1.…
-
“ประเมินผลงานของพนักงาน” ระบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
การ ประเมินผลงานของพนักงาน เป็นกิจกรรมที่สำคัญสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร การประเมินผลงานไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริหารทราบถึงความสามารถ ความเป็นมืออาชีพ และความก้าวหน้าของพนักงาน แต่ยังช่วยให้พนักงานทราบถึงความคาดหวัง ความสำเร็จ และความต้องการพัฒนาตนเอง นอกจากนี้การประเมินผลงานยังเป็นเครื่องมือในการให้รางวัล การเลื่อนตำแหน่ง การกำหนดเงินเดือน และการวางแผนการพัฒนาทักษะของพนักงาน อย่างไรก็ตามการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ลักษณะงาน วัฒนธรรมองค์กร ความต้องการของพนักงาน และเทคโนโลยีที่มีอยู่ หากคุณใช้ระบบประเมินผลงานที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงาน การร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ดังนั้นคุณต้องรู้วิธีการสร้างระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ในบทความนี้ เราจะอธิบายหลักการและขั้นตอนในการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงาน และวิธีการปรับระบบประเมินผลงานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ นอกจากนี้เรายังจะอธิบายประโยชน์และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ การสร้างระบบ ประเมินผลงานของพนักงาน มีหลักการและขั้นตอน ดังนี้ การปรับระบบประเมินผลงานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเป็นกระบวนการที่ต้องใช้การวิเคราะห์ การทดลอง และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง คุณไม่สามารถใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมือนกันกับองค์กรอื่นได้ เพราะธุรกิจของคุณมีลักษณะ วัตถุประสงค์ และความแตกต่างเฉพาะตัว ดังนั้นคุณต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการประเมินผลงานของพนักงาน ได้แก่ ระบบที่เหมาะสมกับธุรกิจสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น 1. ระบบการประเมินผลแบบ 360 องศา (360-Degree Feedback) 2. ระบบการประเมินผลตามเป้าหมาย (Management by…