“สำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน” บริษัทแบบไหนที่ควรทำ

การทำระบบ“สำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน” (Employee Satisfaction Index) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวัด และติดตามระดับความพึงพอใจของพนักงานภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถเข้าใจถึงความต้องการ และปัญหาของพนักงานได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน และกระบวนการต่างๆ เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีความสุข และมีส่วนร่วมในองค์กรมากขึ้น

เหตุผลที่ทุกบริษัทควรทำการ“สำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน”

  • เข้าใจพนักงานมากขึ้น: การสำรวจจะช่วยให้บริษัทเข้าใจความคิดเห็น ความรู้สึก และความต้องการของพนักงานแต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง
  • ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน: เมื่อทราบปัญหา และข้อเสนอแนะจากพนักงานแล้ว บริษัทสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้นได้
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: พนักงานที่พึงพอใจในการทำงานมักจะมีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
  • ลดอัตราการลาออก: การที่พนักงานรู้สึกว่าได้รับการดูแล และใส่ใจ จะทำให้พวกเขายึดติดกับองค์กรมากขึ้น และลดอัตราการลาออก
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี: การสำรวจ และการนำผลสำรวจไปปรับปรุง จะช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ส่งเสริมให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

บริษัทที่ควรทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน

  1. บริษัทที่มีจำนวนพนักงานมาก (บริษัทขนาดใหญ่)
    • ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก การทำระบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงานจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถประเมินได้ว่าในแต่ละแผนกหรือแต่ละกลุ่มงานมีความพึงพอใจในระดับไหน และอาจจะช่วยในการหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในบางแผนกได้ง่ายขึ้น
    • ตัวอย่าง: บริษัทในกลุ่มธนาคาร หรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ หรือ Google ซึ่งมีพนักงานหลายพันคนในแต่ละสาขา
  2. บริษัทที่มีอัตราการหมุนเวียนของพนักงานสูง (High Employee Turnover Rate)
    • หากบริษัทมีปัญหากับการรักษาพนักงาน หรือมีการลาออกสูง การทำการสำรวจความพึงพอใจเป็นเครื่องมือที่ดีในการระบุสาเหตุ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่พอใจ เช่น ค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสม สภาพแวดล้อมการทำงาน หรือการบริหารที่ไม่โปร่งใส
    • ตัวอย่าง: บริษัทในอุตสาหกรรมการบริการ เช่น โรงแรม หรือร้านอาหารที่มีพนักงานหมุนเวียนสูง เช่น ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ที่มีพนักงานหลายพันคนในแต่ละสาขา
  3. บริษัทที่ต้องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี
    • บริษัทที่ต้องการพัฒนาหรือสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี (Culture of engagement) ควรมีการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทราบถึงความรู้สึกของพนักงานในแง่ของความเป็นอยู่ที่ดี การทำงานร่วมกัน หรือการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
    • ตัวอย่าง: บริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Microsoft หรือ Spotify ที่เน้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น และมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน
  4. บริษัทที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหรือปรับโครงสร้างองค์กร
    • เมื่อบริษัทมีการปรับโครงสร้าง การเข้าซื้อกิจการ หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ระบบสำรวจความพึงพอใจจะช่วยให้สามารถติดตาม และเข้าใจความรู้สึกของพนักงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้
    • ตัวอย่าง: บริษัทที่มีการควบรวมกิจการ เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมการเงิน หรือการสื่อสาร เช่น ธนาคารที่มีการควบรวมกิจการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  5. บริษัทที่ต้องการใช้ข้อมูลในการปรับปรุงนโยบายหรือแผนงานต่างๆ
    • บริษัทที่ต้องการข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเพื่อใช้ในการปรับปรุงนโยบาย หรือแผนงานต่างๆ เช่น การปรับปรุงสวัสดิการ การพัฒนาทักษะพนักงาน หรือการเพิ่มโอกาสในการเติบโตในองค์กร จะได้รับประโยชน์จากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน
    • ตัวอย่าง: บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร เช่น บริษัทในกลุ่มการศึกษาหรือบริษัทที่มีการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัทฝึกอบรมภาษาหรือการฝึกอบรมทักษะอาชีพ
  6. บริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรแบบยั่งยืน (Sustainable Development)
    • การสำรวจความพึงพอใจของพนักงานสามารถช่วยให้บริษัทพัฒนาได้อย่างยั่งยืน เพราะการรักษาพนักงานที่มีความสุข และทุ่มเทจะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนพนักงานในทุกๆ ด้าน
    • ตัวอย่าง: บริษัทที่มีแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น Unilever หรือ Patagonia ที่ให้ความสำคัญกับความสุขและความพึงพอใจของพนักงาน
ข้อดีของการทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน
  1. สร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นระหว่างพนักงานและองค์กร
    • การสำรวจช่วยให้องค์กรสามารถเข้าใจความต้องการ และความรู้สึกของพนักงานได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและกระตุ้นให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า
  2. สามารถระบุปัญหาหรือโอกาสในการพัฒนา
    • การสำรวจช่วยให้องค์กรสามารถระบุจุดแข็งและจุดอ่อนในการบริหารจัดการ หรือในแง่ของสวัสดิการ และการสื่อสารภายในได้อย่างชัดเจน
  3. เพิ่มความผูกพันและการมีส่วนร่วมของพนักงาน
    • เมื่อพนักงานรู้สึกว่าความคิดเห็นของพวกเขามีความสำคัญและได้รับการพิจารณา บริษัทสามารถเสริมสร้างความผูกพัน และเพิ่มความทุ่มเทในการทำงาน
  4. การปรับปรุงการรักษาพนักงาน (Employee Retention)
    • การทำสำรวจความพึงพอใจช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้ และแก้ไขปัญหาที่อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่พอใจ และลดอัตราการลาออกได้
ข้อเสียของการทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน
  1. การขาดความซื่อสัตย์ในข้อมูล
    • หากไม่มีความโปร่งใสหรือการรับประกันความเป็นส่วนตัวของผลสำรวจ พนักงานอาจไม่กล้าแสดงความคิดเห็นจริงใจ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่แม่นยำ
  2. อาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
    • การจัดทำและวิเคราะห์ผลสำรวจอาจใช้เวลานานและต้องการทรัพยากรในการออกแบบแบบสอบถาม การจัดการ และการวิเคราะห์ข้อมูล
  3. การตอบสนองที่ไม่เพียงพอ
    • หากบริษัทไม่ได้ใช้ผลสำรวจเพื่อทำการปรับปรุงจริง ๆ หรือไม่สามารถดำเนินการตามคำแนะนำที่ได้จากพนักงานได้ พนักงานอาจรู้สึกว่าผลสำรวจเป็นแค่การทำตามรูปแบบ ไม่มีผลกระทบจริง
  4. อาจเกิดผลลัพธ์ที่ขัดแย้งกัน
    • ในบางครั้งผลสำรวจอาจแสดงผลลัพธ์ที่ขัดแย้งหรือไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดความตึงเครียดหรือความเข้าใจผิดระหว่างฝ่ายบริหาร และพนักงาน
ข้อควรระวัง
  • ควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำสำรวจให้ชัดเจน เช่น เพื่อการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร
  • ต้องมีการดำเนินการตามผลสำรวจจริง ๆ เพื่อให้พนักงานเห็นถึงความจริงจังในการพัฒนาองค์กร
  • ต้องมั่นใจว่ามีความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยในการเก็บข้อมูล

สรุป

การทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้บริษัทเข้าใจพนักงานมากขึ้น ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินผล KPI สำหรับฝ่ายขาย EsteeMATE มี Features ที่จะช่วยให้คุณประเมินผล KPI ให้กับพนักงานฝ่ายขายได้ ศึกษาข้อมูลพิ่มเติมได้ที่นี่

ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ Esteemate