ทำอย่างไรให้การประเมินได้รับความสนใจ ทำให้กระบวนการประเมินผลพนักงานได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริหารและพนักงานเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรควรให้ความสำคัญ เพราะการประเมินผลที่ดีจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงาน และช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าผลการทำงานของตนเองมีค่าและได้รับการยอมรับ การทำให้การประเมินได้รับความสนใจสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการประเมินเป็นประโยชน์ต่อทั้งพนักงานและองค์กร ทำอย่างไรให้การประเมินได้รับความสนใจ มีดังนี้
1. การทำให้กระบวนการประเมินมีความโปร่งใสและชัดเจน
ความโปร่งใสในการประเมินผลเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานให้ความสนใจกับกระบวนการประเมิน การตั้งเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนและยุติธรรมจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าการประเมินเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และพวกเขาจะสามารถปรับปรุงการทำงานของตนเองได้ดีขึ้นในอนาคต
- ตัวอย่าง:
- หากองค์กรมีการตั้ง KPI (Key Performance Indicator) หรือ ตัวชี้วัดการทำงาน ที่ชัดเจน พนักงานจะสามารถเข้าใจได้ว่าอะไรคือเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ และการประเมินผลจะสะท้อนถึงการทำงานของตนเองได้อย่างถูกต้อง
- การเผยแพร่ เกณฑ์การประเมิน อย่างเป็นทางการ เช่น การประเมินในเรื่องของการทำงานร่วมกับทีม การบริหารเวลา การแก้ปัญหาหรือทักษะการสื่อสาร จะทำให้พนักงานเข้าใจว่าในการประเมินครั้งนี้ พวกเขาจะถูกประเมินจากปัจจัยใดบ้าง
2. เชื่อมโยงผลการประเมินกับการพัฒนาอาชีพ
พนักงานมักจะให้ความสนใจในกระบวนการประเมินเมื่อพวกเขามองเห็นว่าผลการประเมินสามารถส่งผลต่อการพัฒนาตนเองได้ การเชื่อมโยงการประเมินผลกับ การพัฒนาอาชีพ เช่น การให้คำแนะนำในการพัฒนา การฝึกอบรม หรือโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง จะทำให้พนักงานรู้สึกว่า การประเมินไม่ใช่แค่การให้คะแนน แต่ยังเป็นเครื่องมือในการช่วยให้พวกเขาเติบโตในสายอาชีพ
- ตัวอย่าง:
- การจัดตั้งโปรแกรม Mentorship หรือการให้โอกาสพนักงานที่มีผลงานดีในการเป็น หัวหน้าทีม หรือ ผู้นำโครงการ จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าการประเมินมีผลต่อการเติบโตในอาชีพของพวกเขา
- พนักงานที่ได้รับผลการประเมินที่ดีอาจได้รับการ ฝึกอบรมเพิ่มเติม หรือ การสนับสนุนในการพัฒนาทักษะใหม่ เช่น การเรียนหลักสูตรการบริหารจัดการ หรือการเรียนรู้ทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการประเมินนั้น ๆ
3. การให้การตอบรับ (Feedback) ที่มีคุณภาพและมีการพัฒนา
การให้ การตอบรับ (feedback) อย่างเป็นธรรมและสร้างสรรค์หลังจากการประเมินผล จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการสนใจและได้เรียนรู้จากการประเมินนั้น ๆ การตอบรับที่ดีจะต้องเป็นการบอกทั้งในส่วนที่ทำได้ดีและส่วนที่ต้องพัฒนา พร้อมทั้งแนะแนวทางที่พนักงานสามารถปรับปรุงได้
- ตัวอย่าง:
- หากพนักงานทำงานได้ดีในบางด้าน เช่น การทำงานเป็นทีม การให้ คำชมและการขอบคุณ จะช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจ
- หากพนักงานมีข้อบกพร่องในด้านใด เช่น การบริหารเวลาไม่ดี การให้ คำแนะนำที่ชัดเจน เช่น “คุณสามารถปรับปรุงได้โดยการใช้เครื่องมือการจัดการเวลา เช่น แอปพลิเคชันในการติดตามงาน” หรือ “ลองปรึกษากับทีมในการแบ่งงานให้เหมาะสม” จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการช่วยเหลือและไม่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในการปรับปรุง
4. การใช้เทคโนโลยีในการประเมินผล
การใช้เครื่องมือหรือ เทคโนโลยี ที่ทันสมัยในการประเมินผลจะทำให้กระบวนการประเมินดูมีความน่าสนใจมากขึ้น พนักงานจะรู้สึกว่าองค์กรมีการพัฒนาและมีกระบวนการประเมินผลที่ทันสมัย รวมถึงทำให้การประเมินสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น
- ตัวอย่าง:
- ใช้ ระบบการประเมินออนไลน์ ที่สามารถติดตามผลงานของพนักงานได้ตลอดเวลา เช่น การใช้ แพลตฟอร์มการประเมินผล ที่ให้พนักงานสามารถกรอกผลการทำงาน หรือการประเมินตนเอง (self-assessment) และให้หัวหน้างานสามารถให้ความคิดเห็นและการประเมินอย่างตรงไปตรงมา
- การใช้ แอปพลิเคชันการประเมินผลแบบ 360 องศา (360-Degree Feedback) ซึ่งให้ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้กระบวนการประเมินมีความหลากหลายและมุมมองที่ครบถ้วน
5. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ประเมินและพนักงาน
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ประเมินและพนักงานจะทำให้กระบวนการประเมินเป็นไปในทางที่ดีขึ้น พนักงานจะรู้สึกสบายใจในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการพัฒนาของตนเอง รวมถึงการให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพัฒนาผลงาน
- ตัวอย่าง:
- การมีการประชุม หนึ่งต่อหนึ่ง (One-on-One) ระหว่างหัวหน้างานและพนักงาน โดยให้เวลาในการพูดคุยเกี่ยวกับผลงาน ความท้าทาย และข้อเสนอแนะในการพัฒนา ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และทำให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและดูแล
- การจัดกิจกรรม Feedback Session ในรูปแบบที่เป็นกันเอง เช่น การประชุมกลุ่มเล็กหรือการสัมมนา ซึ่งพนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นและให้คำแนะนำต่อการประเมินได้อย่างอิสระ
6. การสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการประเมิน
พนักงานจะให้ความสนใจกับการประเมินผลเมื่อองค์กรได้สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการนี้อย่างต่อเนื่อง โดยการทำให้พนักงานเห็นถึงประโยชน์ของการประเมินผลทั้งในด้านการพัฒนาอาชีพและการพัฒนาองค์กร
- ตัวอย่าง:
- การจัดการฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานเข้าใจว่า การประเมินผล เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เช่น การจัดสัมมนาหรือการประชุมที่อธิบายกระบวนการประเมินผลและเป้าหมายในการพัฒนาผลการทำงาน
- การสื่อสารผลการประเมินที่เป็นรูปธรรม เช่น การนำเสนอ กรณีศึกษาหรือผลสำเร็จ ของพนักงานที่ได้รับการพัฒนาและมีการปรับปรุงตามการประเมินที่ดี จะช่วยเสริมสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการประเมิน
7. การทำให้กระบวนการประเมินเป็นประสบการณ์ที่ดี
การทำให้กระบวนการประเมินผลเป็นประสบการณ์ที่ดี จะช่วยให้พนักงานให้ความสนใจและเต็มใจเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าว ความรู้สึกที่พนักงานได้รับจากการประเมิน (ทั้งด้านบวกและการพัฒนา) จะส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในกระบวนการประเมินในครั้งถัดไป
- ตัวอย่าง:
- การให้ คำชม หรือ รางวัล ในการประเมินผลงานที่ดี (เช่น โบนัส, การเลื่อนตำแหน่ง, หรือรางวัลพิเศษ) จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าการประเมินเป็นสิ่งที่มีความหมาย
- การทำให้กระบวนการประเมินผลเป็นกิจกรรมที่มี ความสนุกสนาน เช่น การใช้เกมหรือกิจกรรมเสริมเพื่อทำให้กระบวนการประเมินไม่เครียดจนเกินไป และทำให้พนักงานรู้สึกว่าการประเมินเป็นโอกาสในการพัฒนาและเติบโต
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ KPI เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามและประเมินผลการทำงานของพนักงานในองค์กร หากกระบวนการนี้ได้รับความสนใจและมีการสื่อสารที่ดี พนักงานจะเข้าใจความสำคัญของการประเมินและรู้สึกว่าการประเมินผลมีผลต่อการพัฒนาตนเองและความสำเร็จในองค์กร
การประเมินได้รับความสนใจการตั้ง KPI ที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล
KPI ควรมีความชัดเจนและสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเป้าหมายหรือ KPI ถูกตั้งขึ้นอย่างไม่ชัดเจน พนักงานจะรู้สึกว่าไม่สามารถทำตามได้หรือไม่รู้ว่าจะวัดผลได้อย่างไร นอกจากนี้ KPI ที่ไม่สมเหตุสมผลอาจทำให้พนักงานรู้สึกท้อแท้หรือไม่พึงพอใจ
- ตัวอย่าง:
- KPI ของพนักงานใน ฝ่ายขาย ควรมีตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับ ยอดขาย เช่น “ยอดขายที่ต้องทำในไตรมาสนี้ 10 ล้านบาท” หรือ “จำนวนลูกค้าใหม่ที่ต้องหามาได้ 50 รายภายใน 3 เดือน” ซึ่งทำให้พนักงานมีเป้าหมายที่ชัดเจนและรู้ว่าอะไรคือความสำเร็จ
- KPI ของพนักงานใน แผนกการตลาด อาจตั้งเป็น จำนวนการมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดีย เช่น “เพิ่มการมีส่วนร่วมในโพสต์โซเชียลมีเดีย 20% ภายในเดือนหน้า” หรือ “จำนวนผู้สมัครสมาชิกใหม่ผ่านแคมเปญโฆษณา 500 คน” ซึ่งเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
2. การสื่อสารความสำคัญของ KPI ให้ชัดเจน
การทำให้พนักงานเข้าใจว่า KPI ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการประเมิน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนาและเติบโตในองค์กร การสื่อสารที่ดีจะทำให้พนักงานเห็นถึงความสำคัญของ KPI และรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด
- ตัวอย่าง:
- ในการประชุมทีม ผู้บังคับบัญชาสามารถอธิบายว่า KPI ที่ตั้งขึ้นนั้น มีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายโดยรวมของบริษัท เช่น “KPI ของฝ่ายขายในการทำยอดขายให้ได้ 10 ล้านบาทนี้มีความสำคัญในการขยายตลาดและสร้างรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของธุรกิจและความมั่นคงในอนาคต”
- จัดกิจกรรม Workshops หรือ Training เพื่อให้พนักงานเรียนรู้วิธีการตั้งและติดตาม KPI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การฝึกฝนการใช้เครื่องมือการติดตาม KPI ที่สามารถวิเคราะห์ผลได้แบบเรียลไทม์
3. การเชื่อมโยง KPI กับการพัฒนาอาชีพและรางวัล
พนักงานจะสนใจการประเมินผลมากขึ้นเมื่อเห็นว่า KPI มีผลต่อ การพัฒนาอาชีพ หรือ การได้รับรางวัล เมื่อพวกเขาทำงานได้ตาม KPI จะช่วยให้พวกเขาได้รับการยอมรับและโอกาสในการเติบโตในองค์กร
- ตัวอย่าง:
- เมื่อพนักงานใน แผนกการขาย สามารถทำยอดขายได้ตาม KPI ที่ตั้งไว้ พวกเขาอาจได้รับ โบนัส หรือ การเลื่อนตำแหน่ง หรือ รางวัลพนักงานยอดเยี่ยม ซึ่งกระตุ้นให้พนักงานมีความมุ่งมั่นและให้ความสนใจกับการทำงานให้บรรลุ KPI
- พนักงานใน แผนกบริการลูกค้า ที่มี KPI เป็น ระดับความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) อาจได้รับการ ฝึกอบรมเพิ่มเติม หรือ โอกาสในการเป็นหัวหน้าทีม หากพวกเขาสามารถรักษาค่าคะแนนความพึงพอใจให้ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้
สรุป
การทำให้การประเมินผลได้รับความสนใจจากพนักงานจำเป็นต้องมีการสร้างความโปร่งใสในกระบวนการ การเชื่อมโยงการประเมินกับการพัฒนาอาชีพ การให้ฟีดแบ็กที่มีคุณภาพ การใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวก การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ประเมินและพนักงาน และการทำให้การประเมินเป็นประสบการณ์ที่ดีทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความสนใจและประสิทธิผลจากการประเมินผลในองค์กรได้
สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่