ตำแหน่งในฝ่ายขาย ต้องมีอะไรบ้าง

ตำแหน่งในฝ่ายขาย

ตำแหน่งในฝ่ายขาย (Sales) เป็นหนึ่งในแผนกที่สำคัญที่สุดในทุกองค์กร เนื่องจากมีบทบาทในการสร้างรายได้และความเติบโตของบริษัท ตำแหน่งในฝ่ายขายมีหลายระดับและหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่การขายสินค้าโดยตรงไปจนถึงการบริหารทีมงานฝ่ายขาย รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างกลยุทธ์ทางการขายต่าง ๆ แต่ละตำแหน่งมีหน้าที่และทักษะเฉพาะที่ช่วยสนับสนุนให้การขายในองค์กรประสบความสำเร็จ

ต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายและตัวอย่างงานในแต่ละตำแหน่งในทีมขายที่พบในองค์กร:

1. Sales Executive / Sales Representative (พนักงานขาย)

หน้าที่หลัก:

  • การเสนอขายสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้า
  • การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
  • การติดตามลูกค้าและประเมินความพึงพอใจ
  • การทำยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย
  • การตอบข้อสงสัยและให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ

ตัวอย่างงาน:

  • บริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า: พนักงานขายจะทำหน้าที่แนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า ให้กับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านในห้างสรรพสินค้า โดยต้องอธิบายคุณสมบัติและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ และต้องพยายามทำยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
  • บริษัทซอฟต์แวร์: พนักงานขายอาจจะติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การโทรศัพท์หรืออีเมล์ เพื่อเสนอขายซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทหรือองค์กรที่มีความต้องการใช้บริการซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาธุรกิจ

2. Account Manager (ผู้จัดการบัญชีลูกค้า)

หน้าที่หลัก:

  • การดูแลและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าองค์กร (B2B)
  • การจัดการและรักษาฐานลูกค้าเก่า
  • การเสนอสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
  • การประสานงานกับทีมงานภายในบริษัทในการแก้ไขปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า
  • การติดตามผลและการพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
  • การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM): การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • การเจรจาต่อรอง: วิธีการเจรจาสัญญาและเงื่อนไขการขาย
  • การบริการหลังการขาย: การดูแลลูกค้าหลังการขายเพื่อรักษาฐานลูกค้า

ตัวอย่างงาน:

  • บริษัทซอฟต์แวร์: Account Manager จะรับผิดชอบดูแลลูกค้ารายใหญ่ เช่น ธนาคาร หรือบริษัทประกันภัย โดยต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เช่น ระบบที่ลูกค้าต้องการใช้งาน และนำเสนอการปรับปรุงหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรนั้น ๆ
  • บริษัทสินค้าอุตสาหกรรม: บางบริษัทอาจจะต้องดูแลลูกค้าที่เป็นโรงงานหรือบริษัทใหญ่ โดยการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เครื่องจักร หรือวัสดุที่ต้องใช้ในการผลิต และติดตามผลการใช้งานสินค้า

3. Sales Manager (ผู้จัดการฝ่ายขาย)

หน้าที่หลัก:

  • การวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ทางการขาย
  • การดูแลทีมงานขายให้บรรลุเป้าหมาย
  • การจัดการการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของทีมขาย
  • การติดตามผลการขายและการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการขาย
  • การประสานงานกับแผนกอื่น ๆ เพื่อให้การขายดำเนินไปอย่างราบรื่น
  • ทักษะการขาย: วิธีการเจรจาต่อรอง, การนำเสนอสินค้า
  • การบริการลูกค้า: การตอบคำถามและการแก้ไขปัญหาของลูกค้า
  • การปิดการขาย: เทคนิคการปิดการขาย, การจัดการกับข้อกังขาของลูกค้า
  • การวางแผนกลยุทธ์การขาย: การตั้งเป้าหมายการขาย, การกำหนด KPIs
  • การบริหารทีมขาย: การฝึกอบรม, การกระตุ้นการทำงานของทีม
  • การติดตามและประเมินผลการขาย: การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการขาย

ตัวอย่างงาน:

  • บริษัทขายเครื่องมืออุตสาหกรรม: Sales Manager จะวางแผนการขายเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดยการตั้งเป้าหมายยอดขายประจำเดือน, ไตรมาส หรือปี และให้การสนับสนุนทีมขายในการไปเยี่ยมลูกค้า รวมถึงการทำการตลาดหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย
  • บริษัทคอนซัลติ้ง: ผู้จัดการฝ่ายขายจะวิเคราะห์ตลาดเพื่อหาลูกค้าใหม่ และบริหารทีมขายเพื่อให้ได้ลูกค้าจำนวนมากขึ้น ผ่านการสร้างโปรแกรมการขายและการฝึกอบรมทีมงานให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

4. Sales Director (ผู้อำนวยการฝ่ายขาย)

หน้าที่หลัก:

  • การกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ทางการขายในระดับองค์กร
  • การบริหารทีมงานขายทั้งหมด และกำหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท
  • การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและประสิทธิภาพการขายในระดับองค์กร
  • การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าระดับสูงหรือคู่ค้าทางธุรกิจ
  • การรายงานผลการดำเนินงานของทีมขายให้กับผู้บริหารระดับสูง

ตัวอย่างงาน:

  • บริษัทเทคโนโลยี: Sales Director จะวางกลยุทธ์การขายทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด โดยอาจจะมีการปรับเปลี่ยนการขายในแต่ละภูมิภาคให้เหมาะสมกับลูกค้า เช่น การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือการพัฒนากลยุทธ์การตลาดร่วมกับทีม
  • บริษัทการเงิน: Sales Director ในบริษัทการเงินจะดูแลการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น การลงทุนและประกันชีวิต โดยต้องการสร้างการเติบโตในทุกตลาดที่บริษัททำธุรกิจ รวมถึงการสร้างเครือข่ายธุรกิจที่มีศักยภาพ

5. Business Development Manager (ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ)

หน้าที่หลัก:

  • การหาลูกค้าใหม่และขยายฐานลูกค้า
  • การพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจและการขาย
  • การสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ
  • การศึกษาคู่แข่งและการวิเคราะห์ตลาด
  • การนำเสนอสินค้าใหม่หรือโครงการใหม่ให้กับลูกค้า

ตัวอย่างงาน:

  • บริษัทเทคโนโลยี: Business Development Manager จะดูแลการขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ โดยมองหาโอกาสในการร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ หรือหาพันธมิตรใหม่ ๆ ที่จะสามารถใช้เทคโนโลยีของบริษัทเพื่อเพิ่มยอดขายหรือขยายตลาด
  • บริษัทให้คำปรึกษา (Consulting): ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจอาจต้องจัดตั้งความสัมพันธ์กับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการคำปรึกษาทางด้านการบริหารหรือการปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กร

6. Inside Sales / Telesales (พนักงานขายทางโทรศัพท์ / พนักงานขายในองค์กร)

หน้าที่หลัก:

  • การขายสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์หรืออีเมล
  • การติดต่อกับลูกค้าในฐานะที่ไม่ต้องพบหน้ากัน
  • การจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ลูกค้า
  • การติดตามผลการขายและการสร้างรายได้จากฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

ตัวอย่างงาน:

  • บริษัทขายสินค้าออนไลน์: Inside Sales จะโทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ หรือเพื่อติดตามสถานะการสั่งซื้อสินค้า
  • บริษัทโทรคมนาคม: พนักงานขายทางโทรศัพท์อาจจะโทรหาลูกค้าเพื่อนำเสนอแพ็กเกจโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้า โดยการอธิบายรายละเอียดและข้อดีของแพ็กเกจต่าง ๆ

สรุป

แต่ละตำแหน่งในฝ่ายขายมีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร ตั้งแต่การขายสินค้าโดยตรง ไปจนถึงการบริหารจัดการทีมงานและกลยุทธ์การขาย การเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งจะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นและทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

กลยุทธ์การขาย (Sales Strategy)
เทคนิคการขาย (Sales Techniques)
ตำแหน่งในฝ่ายขาย
การบริการลูกค้า (Customer Service)
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis)
การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building)
การติดตามลูกค้า (Customer Follow-up)
การปิดการขาย (Closing Sales)
การจัดการเวลา (Time Management)
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
CRM
โปรแกรมขาย
กลยุทธ์การขาย (Sales Strategy)
เทคนิคการขาย (Sales Techniques)
การบริการลูกค้า (Customer Service)
ตำแหน่งในฝ่ายขาย
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis)
การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building)
การติดตามลูกค้า (Customer Follow-up)
การปิดการขาย (Closing Sales)
การจัดการเวลา (Time Management)
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
CRM
โปรแกรมขาย

สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่




Search the website