Category: OKRs

  • “บริษัทขนาดเล็กทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน” ได้ไหม

    บริษัทขนาดเล็กทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีทรัพยากรจำกัด แต่ก็ยังสามารถพัฒนา และนำมาใช้ได้ เพื่อประเมิน และปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน และความพึงพอใจของพนักงานได้ ซึ่งจะช่วยในการรักษาพนักงานที่มีคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ ทำไมบริษัทขนาดเล็กจึงควรทำระบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน นี่คือขั้นตอนพื้นฐานที่สามารถทำได้ เครื่องมือที่ช่วยในการทำสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน ข้อดีของการทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงานในบริษัทขนาดเล็ก ข้อเสียและข้อควรพิจารณา เคล็ดลับสำหรับบริษัทขนาดเล็ก สรุป บริษัทขนาดเล็กทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงาน การทำระบบสำรวจดัชนีความพึงพอใจของพนักงานเป็นเรื่องที่คุ้มค่าสำหรับบริษัทขนาดเล็ก แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม บริษัทขนาดเล็กก็สามารถทำการสำรวจได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับปรุงองค์กรให้ดียิ่งขึ้นได้ หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินผล KPI สำหรับฝ่ายขาย EsteeMATE มี Features ที่จะช่วยให้คุณประเมินผล KPI ให้กับพนักงานฝ่ายขายได้ ศึกษาข้อมูลพิ่มเติมได้ที่นี่

  • ความสำคัญของผลงานต่อการทำงานในบริษัท

    ความสำคัญของผลงานต่อการทำงานในบริษัท ผลงานของพนักงานถือเป็นตัวชี้วัดหลักที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพและคุณค่าของพนักงานในองค์กร การทำงานที่มีผลงานดีไม่เพียงแค่ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ แต่ยังส่งผลต่อการเติบโตและพัฒนาของบุคคลากรในระยะยาว รวมถึงสร้างบรรยากาศการทำงานที่มีแรงจูงใจและความพึงพอใจในทีม 1. การบรรลุเป้าหมายและผลลัพธ์ขององค์กร ความสำคัญของผลงานต่อการทำงานในบริษัท ผลงานของพนักงานเป็นปัจจัยที่สำคัญในการช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ การขยายตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน 2. การสร้างแรงจูงใจและความพึงพอใจในการทำงาน ผลงานที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมาย แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานเอง เมื่อพนักงานเห็นว่าเป้าหมายของตนเองถูกตระหนักและได้รับการยอมรับ พวกเขาจะรู้สึกมีคุณค่าและมุ่งมั่นที่จะทำงานได้ดีขึ้น 3. การสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร ผลงานของพนักงานยังสะท้อนภาพลักษณ์ขององค์กรในตลาดและในวงการ การที่พนักงานทำงานได้ดีและสร้างผลงานที่มีคุณภาพจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีทั้งในสายตาของลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน 4. การพัฒนาและเติบโตของพนักงาน ผลงานที่ดีสามารถเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของพนักงาน ทั้งในด้านทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ หากพนักงานสามารถสร้างผลงานที่มีคุณภาพและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงขององค์กรได้ดี พวกเขาจะมีโอกาสในการพัฒนาและเติบโตในองค์กร 5. การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร ผลงานของพนักงานยังช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร การที่พนักงานสามารถมองเห็นช่องทางในการพัฒนาและปรับปรุงวิธีการทำงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทีมและองค์กรโดยรวม 6. การสร้างความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม ผลงานที่ดีของพนักงานยังมีบทบาทในการสร้างความร่วมมือและทำงานเป็นทีม การที่พนักงานแต่ละคนสามารถแสดงผลงานที่ดีจะช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ 7. การประเมินและพัฒนาผลการทำงาน ผลงานของพนักงานยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการประเมินและพัฒนาผลการทำงานในอนาคต การที่บริษัทสามารถประเมินผลงานได้ดีจะช่วยให้การพัฒนาบุคลากรมีทิศทางที่ถูกต้องและตรงตามเป้าหมายขององค์กร สรุป ผลงานที่ดีไม่เพียงแค่มีผลต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์กร แต่ยังส่งผลต่อการสร้างแรงจูงใจและความพึงพอใจของพนักงาน การพัฒนาและเติบโตของพนักงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงานในองค์กร และการสร้างความร่วมมือในทีมทั้งหมดนี้จึงเป็นผลสำคัญจากผลงานที่ดี ซึ่งทำให้องค์กรมีโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์…

  • บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน

    บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากการใช้เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยสามารถสรุปได้ดังนี้ 1. บทบาทและหน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน พนักงานขายไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ที่ทำหน้าที่เสนอขายสินค้าและบริการอีกต่อไป แต่ต้องมีบทบาทที่กว้างขวางและต้องพัฒนาทักษะหลายด้านเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บทบาทหลักของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน: การเข้าใจลูกค้าและการให้บริการที่ปรับตัวได้ การใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการขาย การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า (Relationship Selling) การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า (Omni-channel Selling) หน้าที่หลักของพนักงานขาย:การจัดการและดูแลลูกค้าปัจจุบัน ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน การตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีหลายขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้การประเมินผลมีความชัดเจน ตรงตามเป้าหมายและสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการทำงานในอนาคตได้ ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน: 1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการประเมิน ก่อนเริ่มตั้งค่าระบบประเมินผล ควรกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการประเมินให้ชัดเจนว่าเป็นการวัดผลเพื่อการพัฒนา, การปรับปรุงประสิทธิภาพ หรือการตัดสินใจเชิงนโยบายอื่น ๆ 2. กำหนดตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน (KPIs) ตัวชี้วัด (KPI) จะเป็นเครื่องมือหลักในการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เช่น 3. เลือกระบบการประเมินที่เหมาะสม เลือกระบบที่ช่วยในการประเมินผลการทำงาน เช่น การประเมินแบบ 360 องศา (360-Degree Feedback), การประเมินจากผู้บังคับบัญชา, หรือการประเมินตนเอง (Self-Assessment) 4. กำหนดระยะเวลาการประเมิน…

  • ตำแหน่งในฝ่ายขาย ต้องมีอะไรบ้าง

    ตำแหน่งในฝ่ายขาย ตำแหน่งในฝ่ายขาย (Sales) เป็นหนึ่งในแผนกที่สำคัญที่สุดในทุกองค์กร เนื่องจากมีบทบาทในการสร้างรายได้และความเติบโตของบริษัท ตำแหน่งในฝ่ายขายมีหลายระดับและหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่การขายสินค้าโดยตรงไปจนถึงการบริหารทีมงานฝ่ายขาย รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างกลยุทธ์ทางการขายต่าง ๆ แต่ละตำแหน่งมีหน้าที่และทักษะเฉพาะที่ช่วยสนับสนุนให้การขายในองค์กรประสบความสำเร็จ ต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายและตัวอย่างงานในแต่ละตำแหน่งในทีมขายที่พบในองค์กร: 1. Sales Executive / Sales Representative (พนักงานขาย) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 2. Account Manager (ผู้จัดการบัญชีลูกค้า) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 3. Sales Manager (ผู้จัดการฝ่ายขาย) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 4. Sales Director (ผู้อำนวยการฝ่ายขาย) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 5. Business Development Manager (ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 6. Inside Sales / Telesales (พนักงานขายทางโทรศัพท์ / พนักงานขายในองค์กร) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน:…

  • หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขายยุคดิจิตอลกัน

    หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขายในยุคดิจิทัลกัน บทบาทของ ผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Manager) มีการเปลี่ยนแปลงไปจากการขายแบบดั้งเดิมที่เน้นการพบปะลูกค้าและการขายในพื้นที่ทางกายภาพ มาเป็นการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งในด้านการบริหารทีมงาน การติดตามลูกค้า และการทำการตลาดแบบออนไลน์ หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขายยุคดิจิตอลกัน สรุป ผู้จัดการฝ่ายขายในยุคดิจิทัล มีบทบาทที่หลากหลายและท้าทายมากขึ้น โดยต้องมีทักษะในการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและการวางแผนกลยุทธ์การขายที่ผสานกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีไม่เพียงแต่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่

  • ประโยชน์ของการใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ในองค์กร

    การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาบุคลากรในองค์กร ปัจจุบัน การใช้ ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินผล และสนับสนุนกระบวนการพัฒนาบุคลากรให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในบล็อกนี้ เราจะพูดถึงประโยชน์ของการใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงข้อดีที่สำคัญและเหตุผลที่องค์กรหลายแห่งเลือกนำระบบนี้มาใช้ Photo by Chris Montgomery on Unsplash การเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายและรวดเร็ว หนึ่งในประโยชน์ที่ชัดเจนของระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์คือความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าพนักงานหรือผู้บริหารจะอยู่ที่ไหน เพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าไปดูหรือแก้ไขข้อมูลการประเมินได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงเวลาประชุมหรือเก็บเอกสารที่อยู่ในกระดาษหรือไฟล์เอ็กเซล การที่ระบบออนไลน์ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลการประเมินได้อย่างรวดเร็วทำให้กระบวนการทำงานราบรื่นมากขึ้น และช่วยลดเวลาที่เสียไปในการรอเอกสาร ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความถูกต้อง การใช้ระบบออนไลน์ในการประเมินผลช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง เช่น การเขียนผิด การบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อนในไฟล์ excel หรือการทำหายของเอกสาร อีกทั้งระบบออนไลน์ยังสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบและชัดเจน ผู้บริหารสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ระบบยังสามารถบันทึกความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการประเมิน ทำให้สามารถติดตามผลและเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้นมากกว่าการใช้งานระบบประเมินที่อยู่บนกระดาษหรือไฟล์ Excel การประเมินที่โปร่งใสและยุติธรรม ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ช่วยให้กระบวนการประเมินมีความโปร่งใสและยุติธรรมมากขึ้น ข้อมูลที่เก็บอยู่ในระบบสามารถตรวจสอบได้ง่าย ทำให้ทั้งพนักงานและผู้บริหารสามารถดูผลการประเมินได้ชัดเจน ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะถูกบิดเบือนหรือถูกแก้ไข นอกจากนี้ การใช้ระบบออนไลน์ยังช่วยให้การให้คะแนนและการวัดผลมีมาตรฐานเดียวกันทุกครั้ง ซึ่งทำให้การประเมินมีความยุติธรรมมากยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามและประเมินผลพนักงาน ระบบออนไลน์ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการทำงานของพนักงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องรอถึงเวลาประเมินรายปี ระบบสามารถจัดทำรายงานและสรุปผลการปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา ช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องการเลื่อนขั้น การให้รางวัล หรือการวางแผนการพัฒนาบุคลากรเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้…

  • วิธีเลือกใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่เหมาะกับองค์กรของคุณ

    การเลือกใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นกระบวนการที่ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบออนไลน์สามารถช่วยลดความยุ่งยากในการประเมินผล เพิ่มความโปร่งใส และให้ผลการประเมินที่แม่นยำกว่าเดิม แต่การเลือกใช้ระบบที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา บทความนี้จะนำเสนอขั้นตอนและปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรของคุณ Photo by KOBU Agency on Unsplash 1. ทำความเข้าใจความต้องการขององค์กร ก่อนที่จะเริ่มต้นค้นหาระบบประเมินผลออนไลน์ สิ่งแรกที่องค์กรควรทำคือการทำความเข้าใจความต้องการของตนเอง พิจารณาว่าระบบที่คุณต้องการนั้นจะใช้ประเมินในรูปแบบใด เช่น ประเมินผลการทำงานโดยรวม ประเมินผลโครงการเฉพาะ หรือประเมินพนักงานในช่วงการทดลองงาน การระบุความต้องการให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกระบบที่ตรงกับวัตถุประสงค์และโครงสร้างขององค์กรได้ง่ายขึ้น คำถามสำคัญที่ควรถามเมื่อทำความเข้าใจความต้องการ: 2. การประเมินฟีเจอร์ที่จำเป็น ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์มีฟีเจอร์หลากหลาย ซึ่งบางฟีเจอร์อาจเหมาะกับองค์กรของคุณมากกว่าฟีเจอร์อื่นๆ การเลือกใช้ระบบที่มีฟีเจอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการประเมินผลเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างฟีเจอร์ที่ควรพิจารณา: 3. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ความยืดหยุ่นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ระบบที่ดีควรมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กร ยกตัวอย่างเช่น การปรับแบบฟอร์มการประเมินให้เหมาะสมกับประเภทของงานหรือการเลือกเกณฑ์การประเมินที่ต่างกันระหว่างพนักงานในแต่ละระดับ นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นยังหมายถึงการรองรับการใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าระบบรองรับภาษาและฟอร์แมตที่องค์กรใช้หรือไม่ หากองค์กรของคุณเป็นบริษัทข้ามชาติ ระบบควรมีความสามารถในการรองรับหลายภาษาและปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายทางวัฒนธรรม 4. การวิเคราะห์ข้อมูลและรายงาน ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ควรมีเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานที่ละเอียดและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถดูภาพรวมของผลการประเมินได้อย่างชัดเจนและสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรได้ นอกจากนี้ ระบบควรมีความสามารถในการแสดงข้อมูลเชิงลึก เช่น แนวโน้มการพัฒนาของพนักงาน หรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน 5.…

  • เหตุผลที่ควรใช้แอป OKR ในการพัฒนาผลงานทีมของคุณ

    เหตุผลที่ควรใช้แอป OKR (Objectives and Key Results) ในการพัฒนาผลงานทีม OKR หรือ Objectives and Key Results เป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้ทีมและองค์กรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ แอป OKR ในการติดตามและพัฒนาเป้าหมายสามารถช่วยเพิ่มความโปร่งใส, การประเมินผลที่แม่นยำ, และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในทีม นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถติดตามความคืบหน้าได้ในเวลาจริงและปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว 1. การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ (Clear and Measurable Goals) 2. การติดตามผลในเวลาจริง (Real-Time Tracking) 3. เพิ่มความโปร่งใสและความร่วมมือในทีม (Transparency and Collaboration) 4. การปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว (Agility and Strategy Adjustment) 5. เพิ่มความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบในทีม (Accountability and Motivation) 6. การพัฒนาและการเติบโตของทีม (Team Development and Growth) แอป OKR…

  • ขั้นตอนในการทำประเมิน 360 องศา

    ขั้นตอนในการทำประเมิน 360 องศา (360-Degree Feedback) มีหลายขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้กระบวนการประเมินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือขั้นตอนหลักในการทำประเมิน 360 องศา การวางแผนและการเตรียมการกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน: ระบุเหตุผลที่ต้องการทำการประเมิน เช่น การพัฒนาทักษะ, การเตรียมความพร้อมสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง, หรือการประเมินประสิทธิภาพการทำประเมินแบบ 360 องศามีขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่าในการพัฒนาบุคลากร ขั้นตอนในการทำประเมิน 360 องศา 1. การเตรียมความพร้อม (Preparation Phase) 2. การสร้างแบบสอบถาม (Designing the Feedback Tool) 3. การเลือกผู้ประเมิน (Selecting Evaluators) 4. การเก็บข้อมูล (Collecting Feedback) 5. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) 6. การให้ข้อเสนอแนะ (Providing Feedback) 7. การตั้งเป้าหมายพัฒนา (Setting Development Goals) 8. การติดตามและการประเมินผลซ้ำ…

  • ตัวอย่าง Job Description และ KPI ของตำแหน่ง Sale Support

    บทบาทของผู้ช่วยด้านการขายหรือ Sales Support professional, หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Sales Assistant,โดยทั่วไปมักเกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนให้แก่ทีมขาย ช่วยเหลือลูกค้า และผู้มีอำนาจตัดสินใจในการซื้อนั้นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจและยอดขาย จะมีตัวอย่างหน้าที่และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้ Photo by Scott Graham on Unsplash 1. Customer Service: ตอบคำถามลูกค้า, แก้ไขปัญหาที่เกิดขึน, สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า 2. Sales Support: ช่วยซัพพอร์ตทีมขายด้วยข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ข้อมูลที่ได้จากการวิจัย ข้อมูลการวิเคราะห์คู่แข่ง และข้อมูลอื่นๆที่นำไปใช้ในการเสนอราคา 3. Lead Generation: ตรวจสอบคุณภาพของลีดที่เติดต่อเข้ามา สามารถระบุได้ว่ารายไหนมีโอกาสที่จะปิดการขายได้ ส่งต่อลีดที่มีโอกาสสูงให้กับทีมขายทำการปิดการขาย 4. Data Entry: บันทึกขัอมูลลูกค้าให้ถูกต้อง และครบถ้วนอยู่เสมอ 5. Research and Analysis: หาข้อมูลทำการวิจัยตลาด, วิเคราะห์แนวโน้มการขาย และนำเอาข้อมูลที่ได้ไปกำหนดกลยุทธ์การขาย 6. Communication: สื่อสารกับลูกค้าในช่องทางต่างๆ อย่างโทรศัพท์ อีเมล์ แชท ให้มีประสิทธิภาพ…