Author: Admin
-
ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัท
การติดตามและวัดผลสำคัญ (Key Performance Indicators – KPIs) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บริษัทมีการตัดสินใจที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจได้ ด้วยเหตุนี้ การเข้าใจตัวอย่าง KPI ที่เหมาะสมสำหรับบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารและทีมงานควรพิจารณาอย่างสม่ำเสมอ Photo by LYCS Architecture on Unsplash ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัทที่คุณสามารถนำเอาไปใช้ได้: สรุป: การเลือกใช้ KPIs ที่เหมาะสมและมีความหมายสำหรับบริษัทเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง KPI สำหรับบริษัท แต่ละแผนก KPI (Key Performance Indicators) คือ ตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดผลการดำเนินงานขององค์กรหรือแผนกต่าง ๆ ในบริษัท โดยช่วยให้บริษัทสามารถติดตามความก้าวหน้าและความสำเร็จของเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย KPI ที่เหมาะสมจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ขององค์กร ในบทความนี้จะยกตัวอย่าง KPI ที่สามารถใช้สำหรับบริษัทในหลากหลายแผนก เช่น แผนกการเงิน, การตลาด, การขาย, และการบริการลูกค้า 1. KPI แผนกการเงิน KPI: อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit…
-
ตัวอย่าง KPI ของแผนกการเงิน
KPI (Key Performance Indicators) หรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพสำคัญ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและติดตามผลการดำเนินงานของแผนกหรือองค์กร ซึ่งสำหรับแผนกการเงิน KPI สามารถเน้นได้ทั้งด้านการเงินและด้านการบริหารจัดการทางการเงินขององค์กร ตัวอย่างของ KPI ของแผนกการเงิน ได้แก่ 1.อัตราการเรียกเก็บหนี้ (Debt Collection Rate) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินหนี้ที่สำเร็จการเรียกเก็บได้ต่อรายการเงินหนี้ทั้งหมดที่ต้องเรียกเก็บ 2.ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหนี้ (Cost of Debt Collection) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดเก็บหนี้ต่อยอดหนี้ที่เก็บได้ 3.ระยะเวลาการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญ (Cycle Time for Invoice Processing) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการตรวจสอบและอนุมัติใบสำคัญทางการเงิน ตั้งแต่วันที่รับใบสำคัญจนถึงวันที่อนุมัติเสร็จสิ้น 4.อัตราผลตอบแทนในการลงทุน (Return on Investment – ROI) วัดผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในกิจกรรมทางการเงิน เช่น การลงทุนในระบบสารสนเทศทางการเงินหรือการพัฒนากระบวนการทางการเงิน 5.อัตราค่าใช้จ่ายทั่วไป (Operating Expense Ratio) วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของแผนกการเงินต่อรายได้ทั้งหมดของบริษัท 6.ระยะเวลาในการประมวลผลการชำระเงิน (Payment Processing Time) วัดเป็นจำนวนวันที่ใช้ในการประมวลผลการชำระเงิน ตั้งแต่วันที่รับคำขอชำระเงินจนถึงการชำระเงินจริง 7.อัตราความผิดพลาดในการบัญชี (Accounting Error…
-
ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน มีอะไรบ้าง
ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน หรือดัชนีชี้วัดผลงานของผู้บริหาร คือตัวชี้วัดที่ใช้วัดความสำเร็จของการบริหารงาน การนำทีม และการสนับสนุนเป้าหมายขององค์กร โดยตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงาน ภาระกิจ และเป้าหมายของแต่ละฝ่ายหรือแผนก ตัวอย่างของ Key Performance Indicators (KPIs) ที่อาจจะใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของหัวหน้างาน ได้แก่ ตัวอย่าง KPI ของหัวหน้างาน พร้อมการอธิบายและวิธีการคำนวณ ตัวอย่างเช่น ถ้าใน 1 วัน ทีมผลิตสินค้าได้ 500 ชิ้น และใช้เวลา 8 ชั่วโมง 2. Employee Engagement (การมีส่วนร่วมของพนักงาน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามี 75% ของพนักงานที่พึงพอใจหรือมีส่วนร่วมในทีม 3. Quality of Work (คุณภาพของงาน) 4. Team Attendance (การเข้าร่วมงานของทีม) 5. Training and Development (การฝึกอบรมและพัฒนา)…
-
ประโยชน์และผลลัพธ์ ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ประโยชน์และผลลัพธ์ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ การใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเป็นการทำให้ธุรกิจมีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ การใช้ระบบนี้มี ประโยชน์และผลลัพธ์ ที่สำคัญต่อธุรกิจ ดังนี้ Photo by krakenimages on Unsplash ประโยชน์จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสม 1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ระบบประเมินผลงานช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบ และวัดผลการทำงานของพนักงานได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถระบุได้ว่าพนักงานคนไหนมีผลการทำงานที่ดีหรือไม่ดี และต้องการการพัฒนาในด้านใด ตัวอย่างเช่น 2. การพัฒนาความสามารถของพนักงาน เมื่อทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของพนักงานจากการประเมินผล ทำให้สามารถจัดการฝึกอบรมหรือพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้ตรงจุด ซึ่งส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น 3. สร้างแรงจูงใจและความพึงพอใจในงาน การประเมินผลงานที่มีความยุติธรรม และโปร่งใสสามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่าความพยายามที่ทำไปนั้นได้รับการยอมรับและมีคุณค่า ตัวอย่างเช่น 4. การกำหนดทิศทางการเติบโตและการสรรหาบุคลากร ระบบประเมินผลงานช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นทิศทางการเติบโตของพนักงานและกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในองค์กรได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น 5. เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ธุรกิจที่ใช้ระบบประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพจะสามารถพัฒนาและรักษาทีมงานที่มีความสามารถได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น 6. การตัดสินใจที่ดีขึ้นในการจัดสรรทรัพยากร การมีข้อมูลจากระบบประเมินผลงานจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการจัดสรรทรัพยากร (เช่น งบประมาณในการฝึกอบรม หรือโบนัส) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงาน 1.…
-
“ประเมินผลงานของพนักงาน” ระบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
การ ประเมินผลงานของพนักงาน เป็นกิจกรรมที่สำคัญสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร การประเมินผลงานไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริหารทราบถึงความสามารถ ความเป็นมืออาชีพ และความก้าวหน้าของพนักงาน แต่ยังช่วยให้พนักงานทราบถึงความคาดหวัง ความสำเร็จ และความต้องการพัฒนาตนเอง นอกจากนี้การประเมินผลงานยังเป็นเครื่องมือในการให้รางวัล การเลื่อนตำแหน่ง การกำหนดเงินเดือน และการวางแผนการพัฒนาทักษะของพนักงาน อย่างไรก็ตามการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ลักษณะงาน วัฒนธรรมองค์กร ความต้องการของพนักงาน และเทคโนโลยีที่มีอยู่ หากคุณใช้ระบบประเมินผลงานที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงาน การร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ดังนั้นคุณต้องรู้วิธีการสร้างระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ในบทความนี้ เราจะอธิบายหลักการและขั้นตอนในการสร้างระบบประเมินผลงานของพนักงาน และวิธีการปรับระบบประเมินผลงานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ นอกจากนี้เรายังจะอธิบายประโยชน์และผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ การสร้างระบบ ประเมินผลงานของพนักงาน มีหลักการและขั้นตอน ดังนี้ การปรับระบบประเมินผลงานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเป็นกระบวนการที่ต้องใช้การวิเคราะห์ การทดลอง และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง คุณไม่สามารถใช้ระบบประเมินผลงานที่เหมือนกันกับองค์กรอื่นได้ เพราะธุรกิจของคุณมีลักษณะ วัตถุประสงค์ และความแตกต่างเฉพาะตัว ดังนั้นคุณต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการประเมินผลงานของพนักงาน ได้แก่ ระบบที่เหมาะสมกับธุรกิจสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น 1. ระบบการประเมินผลแบบ 360 องศา (360-Degree Feedback) 2. ระบบการประเมินผลตามเป้าหมาย (Management by…
-
ตัวอย่าง kpi สำหรับงานแอดมิน
งานแอดมินมีหน้าที่หลากหลายและมุ่งเน้นในการสนับสนุนทำให้ธุรกิจทำงานได้สะดวกและประสานงานได้ดีขึ้น การกำหนด KPI (Key Performance Indicator) สำหรับงานแอดมินมีความสำคัญหลายประการ เพราะการกำหนด KPI ช่วยในการวัดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของงานแอดมิน ว่ามีความสามารถในการทำงานตามเป้าหมายและข้อกำหนดที่ตั้งไว้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามและประเมินผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ KPI ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของงานแอดมิน โดยทำให้พนักงานสามารถเห็นภาพรวมของความสำเร็จและข้อบกพร่องในการทำงาน ทำให้สามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังช่วยในการสร้างความโปร่งใสในการทำงาน โดยทุกคนในทีมสามารถเห็นถึงเป้าหมายและผลการทำงาน ซึ่งช่วยในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างสมาชิกในทีม มากไปกว่านั้น KPI ยังช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับงานแอดมิน ทำให้พนักงานสามารถรู้ว่าความสำเร็จของตนถูกวัดจากอะไรและต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น นอกจากนี้ KPI ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นและให้แรงจูงใจแก่พนักงาน โดยการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและสามารถวัดผลได้ ช่วยให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานและพยายามพัฒนาตนเอง ท้ายสุดแล้ว การกำหนด KPI สำหรับงานแอดมินยังช่วยในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ด้วยข้อมูลที่ได้จาก KPI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทำงาน ทำให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้ การกำหนด KPI สำหรับงานแอดมินจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานและสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Photo by Campaign Creators on Unsplash การตั้ง KPI (Key Performance Indicator) สำหรับงานแอดมิน (Admin) มีความสำคัญเพื่อให้สามารถวัดผลการทำงานและประเมินความสำเร็จได้อย่างชัดเจน ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ…
-
กำหนด KPI สำหรับพนักงานในร้านอาหาร
พนักงานที่ทำงานในร้านอาหาร ถือเป็นด่านหน้าที่จะเจอลูกค้าเป็นคนแรก ดังนั้นพนักงานที่ดีจะสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการบริการให้กับลูกค้าได้ การกำหนด KPI สำหรับพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พนักงานเข้าใจความสำคัญของหน้าที่และการปฏิบัติงานของพวกเขา Photo by Vanna Phon on Unsplash ตัวอย่างของ KPI ที่เหมาะสมสำหรับพนักงานเสิร์ฟได้แก่: ตัวอย่าง KPI สำหรับพนักงานเสิร์ฟ คำอธิบาย วัดระยะเวลาตั้งแต่พนักงานเสิร์ฟเริ่มรับคำสั่งจนถึงการเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า ตัวอย่างการคำนวณ หากเวลาในการเสิร์ฟเฉลี่ยของพนักงานเสิร์ฟ 1 คือ 8 นาที/โต๊ะ และเป้าหมายคือ 7 นาที/โต๊ะ ดังนั้นถ้าใช้เวลาในการเสิร์ฟ 8 นาทีจะถือว่าไม่ผ่าน KPI การคำนวณ ถ้าทั้งหมดมี 100 โต๊ะ ที่เสิร์ฟเสร็จในเวลา 7 นาที หรือเร็วกว่านั้น = 100 โต๊ะ คำนวณเปอร์เซ็นต์: (จำนวนโต๊ะที่เสิร์ฟทันเวลาความต้องการ / จำนวนโต๊ะทั้งหมด) × 100 = (100 / 100) ×…
-
ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดี ควรจะเป็นยังไง
ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดี ควรมีลักษณะแบบไหนบ้าง ที่เหมาะกับการนำเอามาใช้วัดผลงานของพนักงานในองค์กร ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเป็นระบบที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่สามารถวัดได้โดยไม่ซับซ้อน นอกจากนี้แล้ว ระบบประเมินผลที่ดียังควรเน้นไปที่การส่งเสริมและสนับสนุนพนักงานให้สามารถพัฒนาทักษะและความสามารถในการทำงานได้ด้วย เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า Photo by Jess Bailey on Unsplash นี่คือคุณลักษณะบางข้อที่เราสามารถนำมาใช้ในการสร้าง ระบบประเมินผลงานของพนักงานที่ดี ในองค์กรกัน 1. มีการกำหนดเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน ระบบประเมินผลงานที่ดีต้องมีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนและวัดผลได้ เช่น การวัดความสำเร็จจากการทำงานตามเป้าหมาย (KPIs) หรือการประเมินทักษะเฉพาะที่สำคัญต่อบทบาทของพนักงาน เช่น ความสามารถในการทำงานเป็นทีม หรือการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง 2. การประเมินที่โปร่งใสและมีความยุติธรรม ระบบประเมินผลงานควรเปิดเผยให้พนักงานทราบถึงเกณฑ์การประเมินและกระบวนการต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการประเมิน รวมทั้งควรให้โอกาสพนักงานในการให้ข้อมูลหรือสะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินผลงานด้วย ตัวอย่าง 3. มีการประเมินที่หลากหลายมุมมอง (360-degree feedback) การประเมินจากหลายแหล่ง (เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือพนักงานในทีม) ช่วยให้การประเมินมีความหลากหลายและสะท้อนผลการทำงานที่แท้จริงมากขึ้น ตัวอย่าง 4. มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ (SMART Goals) ระบบการประเมินที่ดีต้องสามารถเชื่อมโยงกับการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น เป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง (Specific), วัดผลได้ (Measurable),…
-
Skill กับ Competency ต่างกันอย่างไร
“Skill” กับ “competency” แตกต่างกันอย่างไร ทั้งสองคำนี้เป็นคำศัพท์ที่มั่นใจเลยว่า พวกเราได้ยินกันบ่อยมากเมื่อพูดถึงงานประเมินผลพนักงาน ฟังเผินๆแล้วก็นึกไปว่ามันคือสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีความแตกต่างกัน ดังนี้ Photo by Brooke Cagle on Unsplash 1. Skill (ทักษะ) Skill หมายถึง ความสามารถเฉพาะด้านที่สามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝน และประสบการณ์ โดยปกติแล้ว Skill จะมุ่งเน้นไปที่การทำงานที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น การใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยี การทำงานตามกระบวนการที่ชัดเจน หรือการประยุกต์ใช้ความรู้ในการทำสิ่งต่าง ๆ 2. Competency (สมรรถนะ) Competency หมายถึง ความสามารถรวมที่ใช้ในการทำงาน หรือการปฏิบัติงานในบริบทต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยหลาย ๆ องค์ประกอบ เช่น Skill, Knowledge, และ Behavior (พฤติกรรม) โดยที่ Competency ไม่ได้เน้นที่ทักษะเดียว แต่มักจะรวมถึงคุณสมบัติ และปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถทำให้บุคคลประสบความสำเร็จในการทำงาน หรือในสถานการณ์ที่หลากหลาย…
-
ข้อดีและข้อเสียของการประเมินผลงาน ของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีและข้อเสียของการประเมินผลงาน ของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาบุคลากร และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากมาย ข้อดีและข้อเสีย ที่สำคัญของการประเมินผลงาน มีดังนี้ Photo by CoWomen on Unsplash ข้อดีของการประเมินผลงาน มีดังนี้ 1. การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน การประเมินผลงานช่วย ให้พนักงานทราบถึงจุดแข็ง และจุดอ่อนของตนเองในกระบวนการทำงาน ทำให้สามารถปรับปรุง และพัฒนาความสามารถในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยิ่งช่วยให้พนักงานมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาตนเอง 2. การสนับสนุนการตัดสินใจในการจัดการ การประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพช่วย ให้ผู้จัดการสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น การเลื่อนตำแหน่ง การให้รางวัล หรือการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาพนักงานในด้านที่ยังขาดทักษะ การมีข้อมูลที่ชัดเจนจากการประเมินช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างยุติธรรม และมีความโปร่งใส 3. การเสริมสร้างความมุ่งมั่นและความพึงพอใจของพนักงาน การประเมินผลงานที่ดีช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน เพราะเมื่อพนักงานเห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญ และมีการติดตามผลการทำงานอย่างจริงจัง พวกเขาจะรู้สึกว่ามีคุณค่า และได้รับการยอมรับ ซึ่งส่งผล ให้พนักงานมีความมุ่งมั่นในการทำงานมากขึ้น 4. การพัฒนาความสัมพันธ์ในองค์กร การประเมินผลงานช่วยให้ผู้จัดการ และพนักงานได้มีโอกาสสื่อสาร และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงาน การได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากผู้บังคับบัญชาจะช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะ และความรู้ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน และผู้บังคับบัญชา 5. การกระตุ้นการพัฒนาและการเรียนรู้ เมื่อพนักงานได้รับการประเมินผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจะได้รับข้อมูลที่สามารถใช้ในการปรับปรุงตนเองได้…