5 วิธีประเมินพนักงาน แบบมืออาชีพ ไม่ใช่แค่ให้คะแนน

การประเมินผลงานพนักงานคือหนึ่งในหน้าที่สำคัญของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และผู้จัดการทีม แต่ในความเป็นจริง หลายองค์กรยังคงใช้ วิธีประเมินพนักงาน แบบเดิม ๆ ที่เน้นแค่การให้คะแนนในแบบฟอร์ม แล้วก็จบไปในแต่ละปี ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกกังวล ไม่เข้าใจผลลัพธ์ และที่สำคัญคือ “ไม่รู้จะพัฒนาตัวเองต่อยังไง”

หากคุณเป็น HR หรือหัวหน้างานที่อยากเปลี่ยนกระบวนการประเมินผลงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพมากขึ้น ลองมาดู 5 วิธีประเมินพนักงาน ที่ไม่ได้แค่ “ให้คะแนน” แต่เน้นการสื่อสาร ความเข้าใจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วิธีประเมินพนักงาน

Photo by Arlington Research on Unsplash


ปัญหาที่เจอบ่อยใน วิธีประเมินพนักงาน แบบเดิม ๆ

ก่อนเข้าสู่เทคนิค มาดูกันก่อนว่าปัญหาหลักของการประเมินแบบเก่าคืออะไร:

  • ❌ พนักงานไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงได้คะแนนเท่านั้น
  • ❌ ผู้ประเมินรู้สึกว่าไม่มีเวลาและไม่มีข้อมูลเพียงพอ
  • ❌ ไม่มีการติดตามผลหลังประเมิน เช่น ไม่ได้ทำ Individual Development Plan
  • ❌ พนักงานรู้สึกว่าถูกตัดสิน มากกว่าจะได้รับการพัฒนา
  • ❌ ฟอร์มประเมินไม่มีความยืดหยุ่น ใช้แบบเดียวกับทุกตำแหน่ง

ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความไม่พอใจ และทำให้การประเมินกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์


วิธีที่ 1: การตั้งเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่ต้น

“What gets measured, gets improved.”
หากคุณไม่กำหนดเป้าหมาย (Goals หรือ OKRs) ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นปี พนักงานก็จะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ถูกประเมินว่า “ดี”

แนวทาง:

  • ตั้งเป้าหมายที่ เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ และเชื่อมโยงกับเป้าหมายขององค์กร
  • แยกเป้าหมายด้านผลงาน (Performance) และพฤติกรรม (Competency)
  • ติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เช่น รายไตรมาส หรือรายเดือน

ตัวอย่าง:

“ภายใน Q1 พนักงานต้องปิดการขายได้ไม่น้อยกว่า 50 ดีล และต้องมีระดับความพึงพอใจจากลูกค้าไม่น้อยกว่า 90%”


วิธีที่ 2: ใช้ วิธีประเมินพนักงาน แบบ Feedback 360 องศา

การให้หัวหน้าเป็นผู้ประเมินเพียงคนเดียวอาจไม่สะท้อนความเป็นจริงในหลายกรณี โดยเฉพาะในองค์กรที่เน้น teamwork และการทำงานข้ามแผนก

Feedback 360 องศา คือการประเมินจากหลายมุมมอง เช่น:

  • หัวหน้าโดยตรง
  • เพื่อนร่วมทีม
  • ลูกค้า
  • ตัวพนักงานเอง

ข้อดี:

  • ได้ข้อมูลรอบด้าน
  • ลดอคติจากการประเมินเพียงมุมเดียว
  • พนักงานได้เข้าใจตนเองจากมุมมองของคนอื่น

Tip: ควรใช้แบบสอบถามที่สั้น กระชับ และเน้นเชิงพฤติกรรม เช่น “ทำงานร่วมกับทีมได้ดีหรือไม่”


วิธีที่ 3: เน้นการสื่อสารระหว่างกระบวนการ

หลายองค์กรทำการประเมินแบบ “ปิดประตูห้องแล้วคุยกันแค่ปีละครั้ง” ซึ่งไม่เวิร์คในระยะยาว

เทคนิคที่แนะนำ:

  • เปลี่ยนจาก “ปีละครั้ง” เป็น “ประเมินแบบต่อเนื่อง” หรือ Check-in รายไตรมาส
  • ใช้การสนทนาเชิงโค้ชชิ่ง (Coaching Conversation) แทนการตัดสิน
  • เปิดโอกาสให้พนักงานถาม-ตอบ แสดงมุมมอง และตั้งเป้าร่วมกัน

ตัวอย่างคำถามที่ใช้ได้ดี:

  • คุณรู้สึกว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร?
  • มีอุปสรรคอะไรที่เราควรช่วยสนับสนุน?
  • คุณอยากพัฒนาเรื่องใดใน 3 เดือนข้างหน้า?

วิธีที่ 4: ใช้ระบบช่วยติดตาม (เช่น esteemate.io)

การใช้ ระบบประเมินผลพนักงาน (Performance Management System) ช่วยให้คุณสามารถ:

  • ติดตามเป้าหมายของพนักงานแบบ real-time
  • ส่งแบบฟอร์มประเมินให้ทุกฝ่ายได้ง่าย
  • รวม Feedback จากหลายแหล่งแบบอัตโนมัติ
  • สรุปรายงานเพื่อประกอบการพิจารณาได้ทันที

หากคุณเป็นองค์กรขนาดเล็กถึงกลางที่อยากเริ่มใช้ระบบแบบง่าย ๆ ลองดู esteemate.io ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการประเมินที่เน้นพัฒนา


วิธีที่ 5: ให้พนักงานประเมินตัวเอง (Self-Evaluation)

อีกหนึ่งเทคนิคที่หลายองค์กรเริ่มใช้คือ ให้พนักงานประเมินตัวเอง ก่อนเริ่มกระบวนการประเมิน

ประโยชน์:

  • พนักงานได้ทบทวนตัวเอง
  • ช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการพูดคุยกับหัวหน้า
  • ทำให้กระบวนการประเมินมีความร่วมมือมากขึ้น

ตัวอย่างคำถาม Self-Evaluation:

  • คุณคิดว่าคุณทำสำเร็จอะไรในช่วงที่ผ่านมา?
  • คุณอยากเรียนรู้หรือพัฒนาอะไรเพิ่มเติม?
  • คุณรู้สึกว่าองค์กรสนับสนุนคุณมากพอหรือไม่?

สรุป: การประเมินที่ดี ต้องไม่ใช่แค่ “ให้คะแนน”

การประเมินพนักงานแบบมืออาชีพ ไม่ใช่แค่การกรอกฟอร์มแล้วให้คะแนนจบ แต่คือการใช้กระบวนการนี้เพื่อ:

  • พัฒนาศักยภาพพนักงาน
  • สร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างพนักงานและหัวหน้า
  • เชื่อมโยงผลงานของแต่ละคนกับเป้าหมายองค์กร

หากคุณกำลังมองหาวิธีเริ่มต้น ลองเริ่มจาก 5 วิธีที่แนะนำในบทความนี้ และทดลองปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของคุณ

และถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยทำให้กระบวนการประเมินง่ายขึ้น ลองดู esteemate.io ได้เลย ใช้งานง่าย รองรับทั้งการตั้งเป้าหมาย การ Feedback และการรายงานแบบมืออาชีพ 💼