Category: Digital Transformation
-
การใช้ AI ในการจัดการความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงาน
การใช้ AI ในการจัดการความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานเป็นแนวทางที่องค์กรสามารถนำมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มความพึงพอใจและความผูกพันในที่ทำงาน ถือเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย นี่คือวิธีการที่ AI สามารถช่วยในด้านนี้ 1. การวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้ม AI สามารถช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากพนักงาน เช่น การสำรวจความคิดเห็น การประเมินผลการทำงาน และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อสร้างการคาดการณ์เกี่ยวกับระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรได้เร็วขึ้นและสามารถจัดการได้ทันเวลา เช่น หากพนักงานมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือมีการเปลี่ยนแปลงในความพึงพอใจในบางด้าน 2. การทำงานร่วมกับพนักงานผ่านแชทบอท (Chatbots) แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกับพนักงานในเรื่องต่าง ๆ เช่น การตอบคำถามทั่วไป การให้คำแนะนำเกี่ยวกับสวัสดิการหรือการพัฒนาทักษะ รวมถึงการรับข้อเสนอแนะจากพนักงานเกี่ยวกับปัญหาหรือความคิดเห็นที่พวกเขามี เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน แชทบอทสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและให้คำตอบที่รวดเร็ว ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานและสร้างความรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการปรับปรุงองค์กร 3. การสร้างประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล AI สามารถช่วยในการปรับแต่งประสบการณ์ของพนักงานแต่ละคนโดยใช้ข้อมูลจากการทำงานของพวกเขา เช่น การให้คำแนะนำที่เหมาะสมในเรื่องการพัฒนาอาชีพ หรือการให้การสนับสนุนในการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล AI ยังสามารถช่วยในการแนะนำแผนการฝึกอบรมที่ตรงกับทักษะและความสนใจของพนักงาน 4. การประเมินผลและการติดตามความผูกพันในระยะยาว AI สามารถช่วยในการติดตามระดับความผูกพันของพนักงานโดยใช้การสำรวจหรือฟีดแบ็คจากพนักงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้บริหารสามารถเห็นภาพรวมของความพึงพอใจและความผูกพันในองค์กรได้ดีขึ้น AI…
-
การใช้ Chatbot ในการตอบคำถามพนักงาน
การใช้ Chatbot ในการตอบคำถามพนักงาน เป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการช่วยเหลือพนักงานภายในองค์กรในการหาคำตอบหรือข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานหรือภารกิจที่ทำอยู่ โดยทั่วไปแล้ว Chatbot จะถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถตอบคำถามอัตโนมัติและช่วยประหยัดเวลาในการหาข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง การใช้ Chatbot ในการตอบคำถามพนักงาน สามารถทำได้หลายด้าน ดังนี้ 1. การตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับองค์กร Chatbot สามารถถูกตั้งโปรแกรมให้ตอบคำถามที่พนักงานมักจะถามบ่อย ๆ เกี่ยวกับนโยบายขององค์กร เช่น: การมี Chatbot ที่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและลดภาระของแผนก HR หรือฝ่ายที่รับผิดชอบ 2. การสนับสนุนด้าน IT หรือเทคโนโลยี พนักงานอาจมีคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิค เช่น การเข้าใช้งานระบบ, การรีเซ็ตรหัสผ่าน, หรือการขอการสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ Chatbot ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบคำถามในด้าน IT สามารถช่วยให้พนักงานหาคำตอบจากฐานข้อมูลหรือคู่มือได้โดยไม่ต้องติดต่อฝ่าย IT โดยตรง 3. การฝึกอบรมและการพัฒนา Chatbot สามารถนำมาใช้ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมต่าง ๆ ในองค์กร พนักงานสามารถสอบถามเกี่ยวกับโปรแกรมฝึกอบรมที่มีอยู่, การลงทะเบียน, เนื้อหาของหลักสูตร,…
-
วิธีเลือกใช้ AI ในการคัดกรองผู้สมัครงาน
การใช้ AI ในการคัดกรองผู้สมัครงาน เป็นกระบวนการที่สามารถช่วยให้องค์กรประหยัดเวลาและทรัพยากรในการคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถตรงกับความต้องการของตำแหน่งงานนั้น ๆ โดย AI สามารถช่วยในหลายขั้นตอนตั้งแต่การรับสมัคร การตรวจสอบคุณสมบัติ หรือการประเมินความเหมาะสมของผู้สมัครกับตำแหน่งงาน ต่อไปนี้คือลักษณะการเลือกใช้ AI ในการคัดกรองผู้สมัครงานอย่างละเอียด: 1. การรับสมัครงาน (Job Posting & Sourcing) AI สามารถช่วยในการสร้างคำอธิบายตำแหน่งงานที่ดึงดูดความสนใจและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยสามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้สมัครก่อนหน้า หรือข้อมูลจากเว็บไซต์หางานเพื่อทำการกำหนดลักษณะของคำอธิบายที่มีแนวโน้มจะได้รับการตอบรับจากผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่ง 2. การกรองใบสมัคร (Resume Screening) หนึ่งในขั้นตอนหลักที่ AI ใช้คือการกรองและประเมินใบสมัครงาน (resume) โดยไม่ต้องให้ HR หรือผู้คัดเลือกงานต้องอ่านทุกใบสมัครแบบ Manual ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้: 3. การประเมินทักษะและความสามารถ (Skills Assessment) AI สามารถใช้ในการประเมินทักษะของผู้สมัครได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เครื่องมือทดสอบออนไลน์หรือการทดสอบที่มีการออกแบบโดย AI เพื่อประเมินความรู้และทักษะเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ 4. การสัมภาษณ์อัตโนมัติ (Automated Interviews) AI สามารถใช้ในการสัมภาษณ์ผู้สมัครผ่านระบบอัตโนมัติ เช่น การใช้โปรแกรมสัมภาษณ์ทางวีดีโอที่มีการวิเคราะห์การตอบคำถามและพฤติกรรมของผู้สมัคร…
-
การปรับตัวสู่โลกของ Generative AI ในสายงาน HR
การปรับตัวสู่โลกของ Generative AI ในสายงาน HR (Human Resources) เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและการวางแผนที่รอบคอบ เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Generative AI สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของ HR อย่างมากมาย ทั้งในด้านการสรรหาบุคลากร การฝึกอบรม และการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ในบทความนี้จะขออธิบายอย่างละเอียดว่า AI สามารถมีบทบาทในแต่ละด้านของงาน HR อย่างไร และการปรับตัวนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง 1. การสรรหาบุคลากร (Recruitment) Generative AI สามารถช่วยให้การสรรหาบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลายด้าน เช่น 2. การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร (Training and Development) Generative AI สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการฝึกอบรมพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. การวางแผนทรัพยากรบุคคล (HR Planning) การใช้ AI ในการวางแผนทรัพยากรบุคคลสามารถช่วยให้ HR ทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุนอย่างชาญฉลาด 4. การจัดการผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) Generative AI สามารถช่วย…
-
รายชื่อเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลที่ HR Tech ควรติดตาม
การติดตามเว็บไซต์และแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ HR Tech เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ทำงานในสายงาน HR และต้องการเข้าใจแนวโน้มใหม่ ๆ เทคโนโลยีที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ และเครื่องมือที่สามารถช่วยในการจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับปรุงการทำงานให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. HR Technologist เว็บไซต์: https://www.hrtechnologist.comเนื้อหา: HR Technologist เป็นแหล่งข้อมูลที่เน้นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในแวดวง HR โดยจะมีบทความเกี่ยวกับการนำ AI, การวิเคราะห์ข้อมูล, การพัฒนาเครื่องมือ HR เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงวิธีการใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน, การสรรหา, การจัดการความสามารถ และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล 2. SHRM (Society for Human Resource Management) เว็บไซต์: https://www.shrm.orgเนื้อหา: SHRM เป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยมีทั้งข้อมูลด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ HR, การจัดการประสิทธิภาพ, การสรรหา และรวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใน HR 3. HR Dive เว็บไซต์: https://www.hrdive.comเนื้อหา: HR…
-
การเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ใน ยุค HR AI
การเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ใน ยุค HR AI หมายถึงการที่องค์กรและบุคลากรที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (HR) ต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในหลายๆ ด้านของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรวมถึงการสรรหาบุคลากร, การประเมินผลการทำงาน, การพัฒนาและฝึกอบรม, และการจัดการกับประสิทธิภาพในการทำงาน ด้านต่างๆ ที่ AI เข้ามามีบทบาทใน HR วิธีการเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ในยุค HR AI ความท้าทายในการปรับตัวให้ทันกับ HR AI สรุป การเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใน ยุค HR AI ไม่ใช่เพียงแค่การนำ AI มาใช้ในองค์กร แต่ยังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและเตรียมความพร้อมทั้งในด้านความรู้และทักษะของบุคลากรในแผนก HR รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำงานและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ การปรับตัวในลักษณะนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จาก AI อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างเต็มศักยภาพในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินผล KPI บริการของ EsteeMATE มี Features ที่จะช่วยให้คุณประเมินผล KPI ให้กับพนักงานได้ ศึกษาข้อมูลพิ่มเติมได้ ที่นี่
-
Digital Transformation แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจคุณ
การเลือก Digital Transformation (การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล) ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย รวมถึง ลักษณะธุรกิจ วัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ทรัพยากรที่มีอยู่ และ ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี แต่ละองค์กรมีความแตกต่างกันในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ และกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลจะต้องตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจนั้น ๆ การเลือกแบบ Digital Transformation ที่เหมาะสมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่องค์กรต้องการทำเพื่อให้ธุรกิจของคุณมีความสามารถในการแข่งขันในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1. การประเมินสถานะปัจจุบัน 2. การตั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาย 3. การลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสม เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่มีการดำเนินงานซ้ำ ๆ หรือกระบวนการที่ใช้เวลาและทรัพยากรเยอะ เช่น ธุรกิจการผลิต การบริการด้านการเงิน หรือองค์กรที่มีการทำงานที่ซับซ้อน เช่น สายการบิน โรงพยาบาล หรือธุรกิจที่ต้องการจัดการกระบวนการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. การสร้างวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลง 5. การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า 6. การติดตามและวัดผล 7. การจัดการข้อมูลและความปลอดภัย
-
Digital Transformation ในองค์กร
Digital Transformation (การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล) ในองค์กร หมายถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานขององค์กรให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การตอบสนองต่อลูกค้าและตลาด และการสร้างมูลค่าใหม่ในธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนวิธีคิด กลยุทธ์ทางธุรกิจ โครงสร้างองค์กร และวัฒนธรรมภายในองค์กรให้รองรับการใช้งานดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งผู้นำและพนักงานทุกคนในองค์กร เพื่อให้สามารถสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่จำกัดแค่การใช้เทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการปรับกระบวนการและวิธีการทำงานภายในองค์กรทั้งหมด 1. การตั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาย 2. การประเมินสถานะปัจจุบัน 3. การวางแผนและกลยุทธ์ 4. การลงทุนในเทคโนโลยี 5. การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ 6. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมองค์กรที่รองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกระดับภายในองค์กร: 8. การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดี 9. การวัดผลและการปรับปรุง 10. การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ตัวอย่างของ Digital Transformation ในองค์กร การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลในองค์กรไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงกระบวนการทำงาน, การพัฒนาทักษะของพนักงาน, และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและความท้าทายในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
คุณปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัลแล้วหรือยัง
คุณปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัลแล้วหรือยัง เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการวางแผน และ การดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่เพียงแต่ การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน และ วัฒนธรรมองค์กรด้วย นี่คือขั้นตอน และ กลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัลได้ คุณปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัลแล้วหรือยัง? เป็นคำถามที่ชวนให้ทุกธุรกิจสะท้อนถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทันกับยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คน การ ปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัล (Digital Transformation) ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในด้านกลยุทธ์ การดำเนินงาน และวิธีการคิดของทั้งองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 1. ประเมินสถานะปัจจุบัน 2. กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมาย 3. ธุรกิจดิจิทัลกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสม 4. การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ 5. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร 6. การวัดผลและปรับปรุง 7. การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดี 8. การจัดการความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด 9.การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจ (Business Strategy Transformation) การปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัลเริ่มต้นจากการวาง กลยุทธ์ธุรกิจ ที่สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมสร้างประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น: การมุ่งเน้นที่ลูกค้า (Customer-Centric Approach): กลยุทธ์ดิจิทัลต้องให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience)…