Tag: Succession Planning
-

Succession Plan Coverage
Succession Plan Coverage KPI ที่บอกว่าองค์กร “พร้อมรับมืออนาคต” จริง หรือแค่คิดว่าเตรียมไว้แล้ว ในหลายองค์กร คำว่า Succession Plan มักถูกพูดถึงตอนผู้บริหารเริ่มกังวลกังวลว่าใครจะขึ้นแทนกังวลว่าถ้าคนสำคัญหายไป องค์กรจะสะดุดแค่ไหนแต่ปัญหาคือ ความกังวลเหล่านี้มักไม่ถูกแปลงเป็นตัวเลขที่ตรวจสอบได้ นี่คือจุดที่ KPI ชื่อ Succession Plan Coverage เข้ามามีบทบาทและเป็นเหตุผลว่าทำไม HR Director จำนวนมากถึงดึง KPI ตัวนี้ขึ้นมาไว้บน Dashboard ระดับองค์กร ที่มาของ Succession Plan Coverage KPI ตัวนี้เกิดจากคำถามง่ายมาก แต่ตอบยาก “ถ้าตำแหน่งสำคัญหายไปวันนี้ เรามีคนแทนกี่ตำแหน่ง” ไม่ใช่คำถามเชิงทฤษฎีแต่เป็นคำถามเชิงความเสี่ยงของธุรกิจ องค์กรที่เติบโตเร็วองค์กรที่พึ่งพาคนเก่งเฉพาะตัวหรือองค์กรที่มีโครงสร้างผู้จัดการไม่หนาจะเริ่มรู้สึกว่าการไม่มีตัวแทนคือความเสี่ยงที่ประเมินค่าไม่ได้ KPI ความครอบคลุมแผนสืบทอดตำแหน่งนี้ จึงถูกออกแบบมาเพื่อวัด ระดับความพร้อม ไม่ใช่ระดับผลงาน Succession Plan Coverage คืออะไร แม้องค์กรจำนวนมากจะเชื่อว่าตนเอง “มี Succession Plan แล้ว”แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่มีอยู่มักเป็นเพียงเอกสารที่ถูกอัปเดตปีละครั้ง…
-

KPI อัตราการเลื่อนตำแหน่งภายใน (Internal Promotion Rate)
ตัวชี้วัดที่ HR Director ใช้ดู “คุณภาพการพัฒนาคน” ขององค์กร ไม่ใช่แค่จำนวนการเลื่อนตำแหน่ง คือ KPI อัตราการเลื่อนตำแหน่งภายใน ในหลายองค์กร การเลื่อนตำแหน่งยังถูกมองเป็นเรื่องปลายทางของกระบวนการ HRแต่สำหรับ HR Director ที่มององค์กรในเชิงระบบ การเลื่อนตำแหน่งคือผลลัพธ์ (Outcome) ของทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ตั้งแต่การสรรหา การพัฒนา การประเมินผลงาน ไปจนถึงการวาง Succession Plan นี่คือเหตุผลที่ KPI ชื่อว่า Internal Promotion Rate มักถูกวางไว้ระดับ Corporate KPI และถูกดึงขึ้นมาดูบน HR Director Dashboard แทบทุกไตรมาส Internal Promotion Rate คืออะไร (แบบไม่อ้อมค้อม) Internal Promotion Rate คือ สัดส่วนของตำแหน่งที่ถูกเติมเต็มด้วย “คนใน” เทียบกับตำแหน่งทั้งหมดที่มีการแต่งตั้งในช่วงเวลานั้น สูตรตรงไปตรงมา ถ้าตัวเลขนี้ต่ำแปลว่าทุกครั้งที่มีตำแหน่งว่าง องค์กรต้องพึ่งคนนอก ถ้าตัวเลขนี้สูงแปลว่าองค์กร…
-
เบื้องหลังทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง: คือการประเมินที่มองเห็น “คน” จากทุกมุม
องค์กรที่ดีไม่ใช่แค่มีคนเก่ง แต่ต้อง “ดึงศักยภาพของทุกคนออกมาให้ได้”และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้นำเห็น “คน” อย่างรอบด้าน ก็คือ การประเมินแบบ 360 องศา ลองนึกถึงพนักงานที่เก่งเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เพื่อนร่วมงานต่างยอมรับในความรับผิดชอบและความร่วมมือหรือหัวหน้าคนหนึ่งที่ผลงานดีเยี่ยม แต่ลูกน้องกลับรู้สึกกดดันเพราะไม่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นข้อมูลเหล่านี้มักไม่ปรากฏในการประเมินแบบเดิม แล้ว 360-Degree Feedback ช่วยอะไรได้? เห็นพฤติกรรม “จริง” จากมุมที่ระบบอื่นวัดไม่ได้ การทำงานร่วมกันในชีวิตจริงไม่สามารถวัดได้จาก KPI อย่างเดียว การฟังเสียงจากผู้มีปฏิสัมพันธ์จริงๆ จะให้ insight ที่ลึกกว่า ช่วยให้ HR วางแผนพัฒนาบุคลากรอย่างตรงจุด เมื่อรู้ว่าพนักงานแต่ละคนมีจุดแข็งใดบ้าง และมี feedback ในเรื่องใดบ่อยที่สุด HR สามารถวางแผน Coaching, Training หรือ Mentoring ได้แม่นยำยิ่งขึ้น ป้องกันปัญหาที่มักถูกซ่อนไว้ภายใต้ตัวเลข คะแนนผลงานอาจสูง แต่ถ้าทีมรู้สึกไม่สบายใจร่วมงาน หรือมีความตึงเครียดที่ถูกละเลย องค์กรจะเสี่ยงต่อการสูญเสียบุคลากรดีๆ โดยไม่รู้ตัว ทำไม EsteeMATE ถึงเหมาะกับการใช้ 360-Degree Feedback? นอกจากนี้ยังสามารถ export รายงานเพื่อใช้ในการประชุม,…