Author: Esteemate

  • 5 ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่แนะนำสำหรับองค์กรยุคใหม่

    5 ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่แนะนำสำหรับองค์กรยุคใหม่ ในยุคดิจิทัลที่การทำงานแบบออนไลน์และการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ การเลือกใช้ ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรยุคใหม่ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อเสริมสร้างการพัฒนาพนักงาน การวัดผลที่โปร่งใส และการกระตุ้นการเติบโตในองค์กรได้อย่างรวดเร็ว 5 ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่แนะนำสำหรับองค์กรยุคใหม่ 1. BambooHR BambooHR เป็นหนึ่งในระบบการจัดการทรัพยากรบุคคล (HRM) ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่มีความง่ายต่อการใช้งานและมีฟีเจอร์ที่ครบครัน รวมถึงฟีเจอร์ในการประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ ฟีเจอร์เด่น: ตัวอย่างการใช้งาน: 2. Lattice Lattice เป็นระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เน้นการสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีให้กับพนักงาน โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานและผู้บังคับบัญชา รวมทั้งการตั้งเป้าหมายและการวัดผลที่สอดคล้องกับธุรกิจ ฟีเจอร์เด่น: ตัวอย่างการใช้งาน: 3. 15Five 15Five เป็นเครื่องมือที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและทีมผ่านการตั้งเป้าหมาย การให้ฟีดแบ็กอย่างต่อเนื่อง และการประเมินผลในรูปแบบต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับองค์กร ฟีเจอร์เด่น: ตัวอย่างการใช้งาน: 4. Workday Workday เป็นระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่มีฟีเจอร์ที่ครบครันสำหรับการจัดการทรัพยากรบุคคล การประเมินผลการปฏิบัติงาน และการพัฒนาองค์กร โดยเน้นการวัดผลที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร ฟีเจอร์เด่น: ตัวอย่างการใช้งาน:…

  • ขั้นตอนการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

    ขั้นตอนการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ การตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการวัดและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อการประเมินผลนั้นเชื่อมโยงกับ KPI (Key Performance Indicators) และเป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้ ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่สำคัญ และในแต่ละขั้นตอนควรให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความสะดวก ความโปร่งใส และการพัฒนาในองค์กร ขั้นตอนการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ 1. การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายการประเมิน ก่อนที่จะเริ่มตั้งค่าระบบประเมินผล ต้องมีการระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการประเมินผล เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน, การตรวจสอบความสามารถในการทำงานตาม KPI, หรือการวัดผลการทำงานในด้านต่างๆ ของพนักงาน ขั้นตอนที่ควรทำ: ตัวอย่าง: 2. เลือกระบบประเมินผลที่เหมาะสม การเลือกเครื่องมือหรือระบบที่ใช้ในการประเมินผลการทำงานเป็นขั้นตอนสำคัญ ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานออนไลน์ที่ดีควรมีฟีเจอร์ครบถ้วน เช่น การตั้ง KPI, การให้ฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์, และสามารถติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง ฟีเจอร์ที่ควรมี: ตัวอย่าง: 3. ตั้งค่าตัวชี้วัดผล (KPI) และเกณฑ์การประเมิน หลังจากเลือกระบบแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการตั้งค่าตัวชี้วัด (KPI) และเกณฑ์การประเมินให้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้การประเมินผลสามารถวัดผลได้ตามมาตรฐานที่กำหนดและสะท้อนประสิทธิภาพของพนักงานได้อย่างแท้จริง ขั้นตอนที่ควรทำ: ตัวอย่าง: การประเมินผลจะทำผ่านระบบโดยให้คะแนนตามตัวชี้วัดเหล่านี้ 4. การกำหนดกระบวนการการประเมินและกำหนดระยะเวลา การตั้งกระบวนการการประเมินผลที่ชัดเจนและกำหนดระยะเวลาในการประเมินเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การประเมินมีความต่อเนื่องและไม่ขาดช่วงเวลา ขั้นตอนที่ควรทำ: ตัวอย่าง:…

  • บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน

    บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากการใช้เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยสามารถสรุปได้ดังนี้ 1. บทบาทและหน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน บทบาท หน้าที่ของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน พนักงานขายไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ที่ทำหน้าที่เสนอขายสินค้าและบริการอีกต่อไป แต่ต้องมีบทบาทที่กว้างขวางและต้องพัฒนาทักษะหลายด้านเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บทบาทหลักของพนักงานขายในยุคปัจจุบัน: การเข้าใจลูกค้าและการให้บริการที่ปรับตัวได้ การใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการขาย การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า (Relationship Selling) การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า (Omni-channel Selling) หน้าที่หลักของพนักงานขาย:การจัดการและดูแลลูกค้าปัจจุบัน ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน การตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีหลายขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้การประเมินผลมีความชัดเจน ตรงตามเป้าหมายและสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการทำงานในอนาคตได้ ขั้นตอนในการตั้งค่าระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน: 1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการประเมิน ก่อนเริ่มตั้งค่าระบบประเมินผล ควรกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการประเมินให้ชัดเจนว่าเป็นการวัดผลเพื่อการพัฒนา, การปรับปรุงประสิทธิภาพ หรือการตัดสินใจเชิงนโยบายอื่น ๆ 2. กำหนดตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน (KPIs) ตัวชี้วัด (KPI) จะเป็นเครื่องมือหลักในการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เช่น 3. เลือกระบบการประเมินที่เหมาะสม เลือกระบบที่ช่วยในการประเมินผลการทำงาน เช่น การประเมินแบบ 360 องศา (360-Degree Feedback), การประเมินจากผู้บังคับบัญชา, หรือการประเมินตนเอง (Self-Assessment) 4. กำหนดระยะเวลาการประเมิน…

  • ตำแหน่งในฝ่ายขาย ต้องมีอะไรบ้าง

    ตำแหน่งในฝ่ายขาย ตำแหน่งในฝ่ายขาย (Sales) เป็นหนึ่งในแผนกที่สำคัญที่สุดในทุกองค์กร เนื่องจากมีบทบาทในการสร้างรายได้และความเติบโตของบริษัท ตำแหน่งในฝ่ายขายมีหลายระดับและหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่การขายสินค้าโดยตรงไปจนถึงการบริหารทีมงานฝ่ายขาย รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างกลยุทธ์ทางการขายต่าง ๆ แต่ละตำแหน่งมีหน้าที่และทักษะเฉพาะที่ช่วยสนับสนุนให้การขายในองค์กรประสบความสำเร็จ ต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายและตัวอย่างงานในแต่ละตำแหน่งในทีมขายที่พบในองค์กร: 1. Sales Executive / Sales Representative (พนักงานขาย) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 2. Account Manager (ผู้จัดการบัญชีลูกค้า) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 3. Sales Manager (ผู้จัดการฝ่ายขาย) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 4. Sales Director (ผู้อำนวยการฝ่ายขาย) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 5. Business Development Manager (ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน: 6. Inside Sales / Telesales (พนักงานขายทางโทรศัพท์ / พนักงานขายในองค์กร) หน้าที่หลัก: ตัวอย่างงาน:…

  • หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขายยุคดิจิตอลกัน

    หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขายในยุคดิจิทัลกัน บทบาทของ ผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Manager) มีการเปลี่ยนแปลงไปจากการขายแบบดั้งเดิมที่เน้นการพบปะลูกค้าและการขายในพื้นที่ทางกายภาพ มาเป็นการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งในด้านการบริหารทีมงาน การติดตามลูกค้า และการทำการตลาดแบบออนไลน์ หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายขายยุคดิจิตอลกัน สรุป ผู้จัดการฝ่ายขายในยุคดิจิทัล มีบทบาทที่หลากหลายและท้าทายมากขึ้น โดยต้องมีทักษะในการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและการวางแผนกลยุทธ์การขายที่ผสานกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีไม่เพียงแต่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่

  • Sales Manager ยุคใหม่ต้องทำอะไรได้บ้าง

    Sales Manager ยุคใหม่: การบริหารทีมขายในยุคดิจิทัล ในยุคดิจิทัล, Sales Manager หรือ ผู้จัดการฝ่ายขาย มีบทบาทสำคัญในการนำทีมขายสู่ความสำเร็จ โดยการใช้เทคโนโลยี, ข้อมูล, และกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการตอบสนองต่อตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งนี้ไม่เพียงแค่บริหารทีมงาน แต่ยังต้องวางแผนกลยุทธ์การขายที่มีประสิทธิภาพและใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ในการขาย หน้าที่หลักของ Sales Manager ยุคใหม่ 1. การวางแผนกลยุทธ์การขาย (Sales Strategy Development) 2. การบริหารทีมขาย (Sales Team Management) 3. การฝึกอบรมและพัฒนาทีมขาย (Sales Training and Development) 4. การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ผล (Data-Driven Decision Making) 5. การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Improvement) 6. การสร้างและจัดการช่องทางการขายใหม่ (New Sales Channel Development) 7. การสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร (Omnichannel Sales…

  • เหตุผลที่ควรใช้แอป OKR ในการพัฒนาผลงานทีมของคุณ

    เหตุผลที่ควรใช้แอป OKR (Objectives and Key Results) ในการพัฒนาผลงานทีม OKR หรือ Objectives and Key Results เป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้ทีมและองค์กรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ แอป OKR ในการติดตามและพัฒนาเป้าหมายสามารถช่วยเพิ่มความโปร่งใส, การประเมินผลที่แม่นยำ, และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในทีม นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถติดตามความคืบหน้าได้ในเวลาจริงและปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว 1. การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ (Clear and Measurable Goals) 2. การติดตามผลในเวลาจริง (Real-Time Tracking) 3. เพิ่มความโปร่งใสและความร่วมมือในทีม (Transparency and Collaboration) 4. การปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว (Agility and Strategy Adjustment) 5. เพิ่มความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบในทีม (Accountability and Motivation) 6. การพัฒนาและการเติบโตของทีม (Team Development and Growth) แอป OKR…

  • ขั้นตอนในการทำประเมิน 360 องศา

    ขั้นตอนในการทำประเมิน 360 องศา (360-Degree Feedback) มีหลายขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้กระบวนการประเมินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือขั้นตอนหลักในการทำประเมิน 360 องศา การวางแผนและการเตรียมการกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน: ระบุเหตุผลที่ต้องการทำการประเมิน เช่น การพัฒนาทักษะ, การเตรียมความพร้อมสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง, หรือการประเมินประสิทธิภาพการทำประเมินแบบ 360 องศามีขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่าในการพัฒนาบุคลากร ขั้นตอนในการทำประเมิน 360 องศา 1. การเตรียมความพร้อม (Preparation Phase) 2. การสร้างแบบสอบถาม (Designing the Feedback Tool) 3. การเลือกผู้ประเมิน (Selecting Evaluators) 4. การเก็บข้อมูล (Collecting Feedback) 5. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) 6. การให้ข้อเสนอแนะ (Providing Feedback) 7. การตั้งเป้าหมายพัฒนา (Setting Development Goals) 8. การติดตามและการประเมินผลซ้ำ…

  • เคล็ดลับการทำ Digital Transformation

    เคล็ดลับการทำ Digital Transformation (DT) เป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร และการให้บริการลูกค้า โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่เพียงแค่เพื่อการพัฒนาและปรับปรุง แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ และความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำ Digital Transformation ไม่ได้แค่การใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนวิธีคิดขององค์กรและกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับโลกยุคดิจิทัล เคล็ดลับการทำ Digital Transformation มีดังนี้ 1. กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน 2. รับการสนับสนุนจากผู้นำระดับสูง 3. ทำความเข้าใจลูกค้าและตลาด 4. ลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสม 5. ส่งเสริมวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลง 6. การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ 7. การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ 8. การติดตามและวัดผล 9. การจัดการความเสี่ยง 10. การปรับตัวและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 11. การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน 12. การสร้างความร่วมมือภายนอก ตัวอย่าง: Amazon Web Services (AWS) ทำงานร่วมกับหลายบริษัทในการพัฒนาโซลูชั่นคลาวด์ โดยการใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญจากทั้งสองฝ่ายช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เคล็ดลับ: การทำ Digital Transformation ไม่จำเป็นต้องทำเองทั้งหมด…

  • Digital Transformation แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจคุณ

    การเลือก Digital Transformation (การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล) ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย รวมถึง ลักษณะธุรกิจ วัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ทรัพยากรที่มีอยู่ และ ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี แต่ละองค์กรมีความแตกต่างกันในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ และกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลจะต้องตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจนั้น ๆ การเลือกแบบ Digital Transformation ที่เหมาะสมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่องค์กรต้องการทำเพื่อให้ธุรกิจของคุณมีความสามารถในการแข่งขันในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1. การประเมินสถานะปัจจุบัน 2. การตั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาย 3. การลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสม เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่มีการดำเนินงานซ้ำ ๆ หรือกระบวนการที่ใช้เวลาและทรัพยากรเยอะ เช่น ธุรกิจการผลิต การบริการด้านการเงิน หรือองค์กรที่มีการทำงานที่ซับซ้อน เช่น สายการบิน โรงพยาบาล หรือธุรกิจที่ต้องการจัดการกระบวนการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. การสร้างวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลง 5. การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า 6. การติดตามและวัดผล 7. การจัดการข้อมูลและความปลอดภัย