การใช้ AI ในการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management)

การใช้ AI (Artificial Intelligence) ในการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม, วัดผล, และพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กร โดยการใช้ AI จะทำให้กระบวนการต่างๆ ในการประเมินผลมีความแม่นยำ, ปลอดภัยจากอคติ, และสามารถดำเนินการได้อย่างมีระบบ

การใช้ AI ในการบริหารผลการปฏิบัติงาน

การบริหารผลการปฏิบัติงานในยุคดิจิทัลได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากด้วยการใช้ AI ในหลายๆ ขั้นตอน โดยเฉพาะในเรื่องของการติดตามประสิทธิภาพการทำงาน, การประเมินผล, และการพัฒนาแผนการพัฒนาสำหรับพนักงาน

1. การติดตามผลการทำงานแบบเรียลไทม์ (Real-time Performance Tracking)
  • AI สามารถติดตามผลการทำงานของพนักงานแบบเรียลไทม์ โดยรวบรวมข้อมูลจากระบบต่างๆ เช่น CRM, Project Management Tools, หรือแม้กระทั่งข้อมูลที่พนักงานป้อนในฐานข้อมูลของบริษัท เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าในการทำงานของพนักงานในทุกๆ ช่วงเวลา
  • ตัวอย่าง: หากองค์กรใช้เครื่องมือ Trello หรือ Asana สำหรับจัดการโปรเจ็กต์, AI สามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยการดูจำนวนงานที่ทำเสร็จ, เวลาในการทำงานแต่ละงาน, และปริมาณงานที่ทำได้ตามกำหนดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น งานที่ล่าช้า หรือไม่ได้ตามเป้าหมาย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที
2. การประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Evaluation)
  • AI ช่วยในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานอย่างเป็นระบบ โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากหลายแหล่ง เช่น ผลลัพธ์ของการทำงาน, ข้อเสนอแนะจากผู้บังคับบัญชา, และผลสำเร็จในโปรเจกต์ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์และให้คะแนนการทำงานของพนักงาน
  • ตัวอย่าง: Workday เป็นระบบที่ใช้ AI ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน โดยรวบรวมข้อมูลจากทุกมิติ เช่น ประสิทธิภาพการทำงาน, ทักษะการสื่อสาร, ความพึงพอใจของลูกค้า, และปริมาณงานที่ทำเสร็จ แล้วทำการให้คะแนนพนักงาน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้จัดการสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เหมาะสมและตรงจุด
3. การวิเคราะห์และการคาดการณ์ผลการทำงาน (Predictive Analytics)
  • AI สามารถใช้ Predictive Analytics ในการคาดการณ์ผลการทำงานของพนักงานในอนาคตโดยการวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานที่ผ่านมา และทำนายว่าจะมีแนวโน้มอย่างไรในระยะยาว เช่น พนักงานคนไหนที่มีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีหรือมีโอกาสที่จะแสดงผลการทำงานที่ต่ำลงในอนาคต
  • ตัวอย่าง: IBM Watson ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากการทำงานที่ผ่านมา เพื่อคาดการณ์ว่า พนักงานคนไหนมีแนวโน้มที่จะลาออก หรือ จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในอนาคต ซึ่งสามารถช่วยฝ่ายทรัพยากรบุคคลในการวางแผนการพัฒนาและรักษาพนักงานที่มีประสิทธิภาพ
4. การให้ข้อเสนอแนะและคำแนะนำส่วนตัว (Personalized Feedback)
  • AI สามารถช่วยในการให้ข้อเสนอแนะที่เป็นส่วนตัวและตรงจุดแก่พนักงาน โดยการประเมินผลการทำงานและให้คำแนะนำเกี่ยวกับทักษะที่พนักงานควรพัฒนา เช่น การฝึกฝนทักษะใหม่ๆ หรือการปรับปรุงกระบวนการทำงาน
  • ตัวอย่าง: Lattice ซึ่งเป็นระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน, ใช้ AI ในการให้ข้อเสนอแนะที่เฉพาะเจาะจงแก่พนักงาน เช่น “คุณควรปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้า” หรือ “คุณอาจต้องการพัฒนาทักษะด้านการจัดการเวลา” โดยข้อมูลที่ใช้ในการให้ข้อเสนอแนะมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานและการประเมินจากเพื่อนร่วมงาน
5. การปรับเปลี่ยนแผนการพัฒนา (Development Plan Adjustment)
  • AI ช่วยในการปรับแผนการพัฒนาสำหรับพนักงานโดยอิงจากข้อมูลและผลการประเมินจากการทำงาน เช่น หากพนักงานมีประสิทธิภาพในบางด้าน แต่ขาดทักษะในอีกด้านหนึ่ง AI สามารถแนะนำแผนการพัฒนาที่เหมาะสม เช่น การเข้าร่วมการอบรม, การฝึกทักษะใหม่ๆ หรือการได้รับมอบหมายโปรเจ็กต์ที่ช่วยเสริมทักษะที่ขาดหายไป
  • ตัวอย่าง: ในระบบเช่น 15Five, AI สามารถช่วยในการสร้างแผนการพัฒนาพนักงานที่เหมาะสมโดยการปรับตามความต้องการและผลการประเมิน โดยจะเสนอหลักสูตรฝึกอบรม หรือการตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับทักษะที่พนักงานต้องการพัฒนา
6. การลดอคติในการประเมินผล (Bias Reduction)
  • AI สามารถช่วยลดอคติที่อาจเกิดขึ้นในการประเมินผลการทำงาน โดยการพิจารณาข้อมูลเชิงวิเคราะห์มากกว่าการตัดสินใจตามอารมณ์หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว การใช้ข้อมูลที่เป็นกลางช่วยให้กระบวนการประเมินผลมีความเป็นธรรม
  • ตัวอย่าง: การใช้ AI ในการประเมินผลการทำงานของพนักงานในรูปแบบ 360-degree feedback ซึ่งรวมถึงข้อเสนอแนะจากผู้บังคับบัญชา, เพื่อนร่วมงาน, และลูกค้าช่วยลดอคติที่อาจเกิดขึ้นจากการประเมินของบุคคลเดียว

ประโยชน์ของการใช้ AI ในการบริหารผลการปฏิบัติงาน

  1. ประสิทธิภาพในการติดตามผล: AI ช่วยให้กระบวนการติดตามผลการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำโดยการเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติ
  2. การลดความผิดพลาด: AI ช่วยลดความผิดพลาดจากการประเมินผลด้วยข้อมูลที่เป็นกลางและมีการวิเคราะห์จากหลายมิติ
  3. การพัฒนาทักษะที่ตรงจุด: AI สามารถแนะนำการพัฒนาทักษะของพนักงานได้อย่างเฉพาะเจาะจง ทำให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
  4. การสร้างแรงจูงใจ: ด้วยข้อมูลที่ชัดเจนจาก AI การให้ข้อเสนอแนะที่แม่นยำและทันเวลา ช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจและพัฒนาผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ข้อควรระวัง

  1. ความเป็นส่วนตัว: การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์โดย AI ต้องได้รับการดูแลอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน
  2. การขาดการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์: แม้ AI จะช่วยในการประเมินผล แต่การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้จัดการในการให้ข้อเสนอแนะและสร้างความสัมพันธ์ยังคงสำคัญ
  3. การอัปเดตข้อมูล: การใช้ AI ต้องมีการปรับปรุงข้อมูลและระบบให้ทันสมัยเพื่อให้ผลการประเมินแม่นยำและเหมาะสม

สรุป

การใช้ AI ในการบริหารผลการปฏิบัติงานช่วยให้องค์กรสามารถประเมินผลการทำงานของพนักงานได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย AI ช่วยให้การติดตามผลการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว, ลดความผิดพลาดจากอคติ, และช่วยในการปรับแผนการพัฒนาทักษะของพนักงานอย่างตรงจุดเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในองค์กรได้อย่างยั่งยืน

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินผล KPI บริการของ EsteeMATE มี Features ที่จะช่วยให้คุณประเมินผล KPI ให้กับพนักงานได้ ศึกษาข้อมูลพิ่มเติมได้ ที่นี่

สนใจเริ่มต้นใช้งานระบบประเมินผลออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อเราได้ที่นี่

อ่านบนความอื่น ๆ เพิ่มเติมที่นี่

การใช้ AI ในการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management)